Introvert คนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง
- สำหรับคนประเภท Introvert คือ กลุ่มคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง มีความสุขกับการอยู่คนเดียว ชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียว ดูเหมือนจะขี้อาย มีจำนวนเพื่อนสนิทแบบนับคนได้ มีความเห็นอกเห็นใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา อ่อนไหว เป็นพวกคิดมาก คิดก่อนพูด และในขณะเดียวกันก็พูดน้อย ไม่ชอบเสวนาเรื่องที่ไร้สาระ ฉาบฉวยซักเท่าไหร่
- Introvert มองเผินๆ อาจจะดูเหมือนคนขี้อาย ไม่กล้าพูด แต่ที่จริงแล้ว พวกเขาแค่เบื่อสังคม หรือเบื่อหมู่คนมากๆ และมักถูกเข้าใจผิดว่าก้าวร้าว เนื่องจากรักสันโดษ มักจะไม่ค่อยพูดคุยเรื่องไร้สาระ หรือเรื่องทั่วๆ ไป นั่นทำให้ถูกมองว่าเป็นคนไม่น่าคบหา ไม่น่าพูดคุยด้วย
- คนประเภท Introvert ไม่ชอบเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ชื่นชอบการได้อยู่เบื้องหลัง การได้อยู่หลังไมค์ มากกว่าการได้อยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์
- ชาว Introvert ชอบสร้างกำแพง เปิดใจให้ใครยาก ทำให้มีเพื่อนน้อย และพลาดโอกาสที่เจอคนดีๆ เข้ามาในชีวิต นอกจากนี้ พวกเขาค่อนข้างจะมีปัญหากับการสานสายสัมพันธ์ ไม่ชอบปาร์ตี้
- แต่ในทางกลับกันเมื่อชาว Introvert มั่นใจ และเปิดใจจะเป็นเพื่อนกับใครแล้ว สามารถมั่นใจได้เลยว่าคุณทั้งสองจะได้เป็นเพื่อนกันอีกนาน เพราะ Introvert อาจไม่ถนัดในเรื่องเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ แต่ถนัดในเรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นความสัมพันธ์ระยะยาวได้เป็นอย่างดี
พูดมาถึงขนาดนี้ เราจะพาไปแนะนำหนังสือ ที่เหมาะกับคนประเภท Introvert หรืออ่านเพื่อให้เข้าใจความเป็น Introvert มากขึ้น
QUIET เขียนโดย SUSAN CAIN
"พลังของคนเงียบในโลกที่ไม่เคยหยุดพูด" เล่มนี้ ทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงรากเหง้าที่เป็นต้นเหตุให้คนอเมริกันจำเป็นต้องมีบุคลิกภาพเเบบนั้น ซึ่งมีปฐมบทมาจากการเป็นประเทศอุตสาหกรรมของอเมริกา ที่จำเป็นต้องสร้างเซลล์เเมนขึ้นมาขายสินค้าเเละบริการในที่ต่างๆ บุคลิกภาพเอ็กซ์โทรเวิร์ตกลายเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่เเละคนอเมริกันรู้สึกว่าต้องฝืนเเละเสเเสร้งเพื่อให้มีบุคลิกภาพเเบบนั้นเเต่ พลังของคนเงียบในโลกที่ไม่เคยหยุดพูด จะเผยให้เห็นมุมมองอีกด้านว่า คนที่พูดน้อย ขี้อาย เข้าสังคมไม่เก่ง ที่เรียกว่าคนอินโทรเวิร์ตก็มีจุดเด่นเเละความสามารถพิเศษ จนสามารถประสบความสำเร็จเเละสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ให้กับโลกได้ไม่เเพ้คนเอ็กซ์โทรเวิร์ต
Where'd You Go, Bernadette เขียนโดย Maria Semple
Where'd You Go, Bernadette ครองตำแหน่งหนังสือขายดีในการจัดอันดับของ New York Times มา 1 ปีเต็ม ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะผู้เขียน Maria Semple ผูกเรื่องไว้ได้น่าติดตามแบบอ่านแล้ววางไม่ลง เล่มนี้เล่าเรื่องราวของ Bernadette Fox คุณแม่ที่สัญญาว่าจะไปเที่ยวแอนตาร์กติกากับลูกสาว Bee Branch แต่ดันหายไปตัวไปเสียเฉย ๆ ลูกสาววัย 15 ปีจึงต้องรับบทเป็นนักสืบจำเป็นเพื่อหาร่องรอยที่นำไปสู่แม่ของเธอ และอดีตที่ไม่เคยรู้มาก่อน
Cate Blanchett คือเหตุผลหลัก ๆ เลยที่เราอยากดูหนังเรื่องนี้ แน่นอนว่าเธอจะมารับบทคุณแม่ผู้อันตรธานหายไปในอากาศ ใครยังติดใจฝีไม้ลายมือด้านการแสดงจาก The Lord of the Rings (รู้เลยสินะว่าเราแก่) Thor: Ragnarok หรือ Carol ก็เตรียมดูได้เลย อีกเหตุผลคือ Troian Bellisario สาวสมาร์ทจากซีรีส์ Pretty Little Liars ที่เราไม่ค่อยได้เห็นหน้าเธอเท่าไหร่หลังซีรีส์จบ ต้องรอดูว่าจะได้รับบทไหนในเรื่องนี้
Thinking, Fast and Slow เขียนโดย Daniel Kahneman
หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปสำรวจ "การคิดสองแบบ" นั่นคือ การคิดเร็วและการคิดช้า ซึ่งทำหน้าที่กำหนดการตัดสินใจและพฤติกรรมทั้งหมดของมนุษย์เรา ผ่านมุมมองอันเฉียบคมของ "แดเนียล คาห์เนแมน" นักจิตวิทยาเจ้าของรางวัลโนเบล ที่ได้รับฉายาว่าเป็น "บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม" และนักคิดที่ลุ่มลึกที่สุดแห่งยุค โดยเนื้อหาในเล่มสรุปมาจากการรวบรวมผลการศึกษาวิจัยตลอด 40 ปี ของผู้เขียน ที่ตั้งใจถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องนี้สู่ผู้อ่าน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย มีตัวอย่างทำให้เห็นภาพชัดเจน
WALDEN: LIFE IN THE WOODS เขียนโดย HENRY DAVID THOREAU
“วอลเดน” (Walden) หนังสือเล่มนี้ปรากฏสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกในปี ค.ศ.1854 ก่อนจะได้รับความนิยมแพร่หลายและทรงอิทธิพลต่อนักคิดนักเขียนรุ่นหลังมากมาย โรเบิร์ต ฟรอสต์ (Robert Frost) กวีเอกชาวอเมริกันกล่าวถึง “วอลเดน: คืนชีวิตสู่ห้วงสงบภายใน” ว่า “ด้วยงานเขียนเพียงชิ้นเดียว ... เขาก้าวข้ามทุกสิ่งที่เราเคยมีในอเมริกา” แม้กระทั่งมหาตะมะ คานธี ต้นธารแห่งการต่อสู้แบบสันติอหิงสาของอินเดีย ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มนี้
“วอลเดน” หนังสือที่รู้จักกันมากเล่มหนึ่ง เขียนโดย เฮนรี่ เดวิด ธอโร ชาวอเมริกัน ได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1854 พูดถึงการกลับไปใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแนบชิดกับธรรมชาติ กลับไปหาคุณค่าดั้งเดิมของหยาดเหงื่อและการใช้แรงงาน เป็นบันทึกเรื่องราวและรายละเอียดการใช้ชีวิตของธอโร ในช่วงเวลาที่เขาอาศัยอยู่ที่กระท่อมที่สร้างขึ้นด้วยตัวเองบริเวณชายป่าชายริมบึงน้ำวอลเดน เมืองคองคอร์ด รัฐแมสซาชูเซ็ทส์ ซึ่งเป็นที่ดินของ ราล์ฟ วอลโด อีเมอร์สัน กวีผู้มีชื่อเสียง เพื่อนของทอโร ธอโรไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงในการใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ขณะที่เขาพักอยู่นั้นเขาได้ต้อนรับผู้มาเยือนและออกไปเยี่ยมผู้อื่น และอยู่ไม่ไกลจากบ้านของครอบครัว สิ่งที่เขาหวังคือการทำ “ความเข้าใจชีวิต” อย่างเป็นรูปธรรม การใช้ชีวิตอย่าง “เรียบง่าย” และ “ไม่ฟุ่มเฟือย” เป็นสิ่งที่เขาต้องการ
WILD เขียนโดย CHERYL STRAYED
การตัดสินใจทำอะไรบางอย่างของผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อพบว่าตนเองกำลังจะสูญเสียทุกอย่าง เธอได้ทำอะไรที่ท้าทายชีวิต เช่น การเดินเท้าดว่าพันไมลล์ในเส้นทาง Pacific Crest จากทะเลทราบในฮาวีผ่านแคลิฟอร์เนียและโอเรกอนไปสู่กรุงวอชิตัน ด้วยตัวคนเดียว
NEVER LET ME GO เขียนโดย KAZUO ISHIGURO
Never Let Me Go หรือ แผลลึก หัวใจสลาย เป็นนิยายที่ได้รับการกล่าวขานและยกย่องว่าสร้างสรรค์ที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคปัจจุบัน คาสึโอะ อิชิงุโระ นักเขียนเจ้าของรางวัลโนเบลคนล่าสุด
เรื่องราวของนักเรียนกลุ่มหนึ่งซึ่งเติบโตขึ้นมาในเฮลแชม โรงเรียนแสนพิเศษที่ซุกซ่อนความลับดำมืดแห่งยุคสมัยไว้มากมาย ผ่านการบรรยายและย้อนทวนความทรงจำของ แคธี เอช. หญิงสาววัย 31 ปี ก่อนเรื่องราวความรัก มิตรภาพ และชะตากรรมจะคลี่กางออกมาให้เห็นอยู่ตรงหน้า ก่อนความรู้แจ้งตระหนักเห็นจะหวนคืนกลับมาให้แลประจักษ์ นี่คือนิยายที่บีบคั้น สะเทือนอารมณ์ และทดสอบความเปราะบางของมนุษย์ และพาเราเข้าไปในเขตแดนที่เราเองอาจจะยังไม่พร้อมที่จะล่วงรู้
THE COMPLETE SHERLOCK HOLMES เขียนโดย SIR ARTHUR CONAN DOYLE
รวมผลงาน SHERLOCK HOLMES นักสืบชาวลอนดอนผู้โด่งดังด้านทักษะนิติวิทยาศาสตร์โดยอาศัยหลักฐานและการสังเกตเพื่อคลี่คลายคดีต่าง ๆ เนื้อหาครบถ้วน เรื่องยาว 4 เรื่อง และเรื่องสั้น 56 เรื่อง โดยเป็น US Edition ใน 1 ชุดมี 2 เล่ม
THE BRIEF WONDROUS LIFE OF OSCAR WAO เขียนโดย JUNOT DIAZ
The Brief Wondrous Life of Oscar Wao คือผลงานของนักเขียนนาม Junot Diaz ซึ่งคว้ารางวัล Pulitzer มาได้จากงานเขียนชิ้นนี้ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของออสการ์ เด็กชายเชื้อสายโดมินิกันที่มาเติบโตในนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐฯ แต่แทนที่ออสการ์จะเติบโตขึ้นมาตามลักษณะของชายหนุ่มโดมินิกันหน้าคมเข้ม คารมดี มีเสน่ห์ เขากลับโตมาเป็นเด็กอ้วน หน้าเป็นสิว ทั้งยังเป็นเนิร์ดที่ไม่ค่อยมีใครในโรงเรียนอยากคุยด้วย ผู้ชายเองก็ไม่อยากยุ่ง ส่วนผู้หญิงก็มีแต่ตีตัวออกห่าง
ในเรื่องจะมีความเชื่อการต้องคำสาป Fuku ที่จริงๆแล้วผู้เขียนจะสื่อว่าคือภาพแทนของอำนาจที่กดทับลงมาบนคนตัวเล็กๆ ที่ไร้ปากเสียงและทางสู้
ออสการ์ไม่ใช่ตัวละครที่ชวนให้หลงรักเมื่อแรกเห็น เขาถูกเขียนขึ้นอย่างสมจริง เป็นมนุษย์แท้จริงคนหนึ่งที่มีทั้งด้านดี และด้านเสีย หลายครั้งเขาคิดในเรื่องน่ารังเกียจ แต่หลายคราวเขาก็แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางที่ชวนให้เข้าใจ ออสการ์ก็คือภาพแทนของ loser คนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้ชีวิตหลายๆ ด้านจะเหลวแหลก แต่เขาก็ยังต้องการจะมีหวังเพื่อจะได้มีลมหายใจต่อนั่นแหละ