ซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง It's Okay to Not Be Okay ที่เนื้อเรื่องพระเอก "มุนคังแท" เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช และมีพี่ชายเป็นออทิสติก และ นางเอก "โกมุนยอง" เป็นนักเขียนหนังสือเด็ก ที่นำเสนอผลงานในด้านดาร์กไซด์ ซึ่งบุลคิกของนางเอกนั้นเป็นพวกต่อต้านสังคม และแสดงความรู้สึกที่แท้จริงไม่เป็น จากปมในวัยเด็ก เธอจึงเลือกนำเสนอความรู้สึกของเธอผ่านชิ้นงาน ซึ่งไม่เหมือนใคร อาจดูโหดร้าย หนังสือในเรื่องของเธอติดอันดับขายดีหลายเล่ม จนถูกวิจารณ์ว่า ผลงานของเธอมีเนื้อหารุนแรงเกินไปไม่เหมาะกับเด็ก
มีคำพูดหนึ่งในเรื่อง ตอนที่นางเอกได้ไปสอนวิชาวรรณกรรมในโรงพยาบาลจิตเวช เธอกล่าวว่า
"นิทานคือโลกแฟนตาซีแสนโหดร้าย ที่วาดให้ขัดกับความรุนแรงของโลกความเป็นจริง นิทานไม่ใช่ยากดประสาทที่ช่วยมอบความหวังและความฝัน แต่เป็นยากระตุ้นให้เผชิญความจริง เพราะงั้นทุกคนก็อ่านนิทานเยอะๆ แล้วได้โปรดตื่นจากฝันสักทีนะคะ อย่ามัวมองดาวบนฟ้ายามดึก แต่ให้มองเท้าที่จมปลักอยู่ว่านั่นคือความจริงของตัวเอง และเมื่อรับความจริงนั้นได้ ทุกคนก็จะมีความสุข"
หลายคนอาจสงสัยว่าเธอเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ?
ลองไปดูผลงานหนังสือของเธอในเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องการสื่อออกมา ในแต่ละตอนของซี่รี่ย์ จะตั้งชื่อโดยใช้ ชื่อนิทานในวรรณกรรมเด็กชื่อดัง รวมถึงชื่อผลงานที่นางเอกเขียน ภาพประกอบหนังสือเล่าผ่านปมในวัยเด็กของนางเอกและพระเอกได้อย่างน่าสนใจ เช่น
หนุ่มน้อยผู้โตมาด้วยฝันร้าย เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ชอบตื่นเพราะฝันร้าย ที่มีความทรงจำที่แสนเจ็บปวด เขาไม่สามารถผ่านมันไปได้ วันหนึ่งเขาได้ไปพบกับแม่มด และขอให้แม่มด ช่วยลบความทรงจำของเขาออกไป และเขาสัญญาว่าจะให้ทุกสิ่งที่แม่มดต้องการเป็นการตอบแทน เขาโตขึ้นเขาไม่ฝันร้ายอีกต่อไป แต่มันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขขึ้นเลย และแม่มดก็มานำวิญญาณของชายคนนี้ไป ตามคำสัญญา จากคำกล่าวของแม่มด เรื่องนี้ต้องการสื่อว่า คนเราทุกคนล้วนมีความทรงจำที่เจ็บปวด ในโลกล้วนมีแต่สิ่งที่โหดร้าย ทรมาน การลบความทรงจำไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง มีแค่คนที่เก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้ในใจและใช้ชีวิตต่อไปที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มุ่งมั่นมากขึ้นและสุขุมกว่าเดิมได้ ความสุขน่ะ มีแต่คนเหล่านั้นที่จะได้ไปครอง นั่นคือเราต้องเผชิญหน้ากับมัน และต้องผ่านมันไปให้ได้ อย่างเข้มแข็งต่างหากล่ะ
อีกเรื่องหนึ่งคือ เด็กน้อยซอมบี้ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่ง เขามีผิวขาวซีด แม่ของเขาบอกว่าเขาเป็นคนประหลาด ไม่เหมือนคนอื่น ไม่มีความรู้สึกใดๆ ไม่อยากให้ชาวบ้านรู้จักเขา เขาเป็นแค่ซอมบี้ที่ต้องการแค่อาหาร เพื่อไม่ให้หิวเท่านั้น แม่จึงให้เขาอยู่แต่ให้ห้องใต้ดิน และคอยหาอาหารมาให้ลูก โดยการขโมยสัตว์ในหมู่บ้าน หมูบ้าง ไก่บ้าง
จนวันนึงเกิดโรคระบาด คนในหมู่บ้านอพยพออกไปหมด แม่ของเขาจึงเลือกที่จะตัดแขน ตัดขา ทีละข้าง เพื่อให้ลูกได้กิน จนเหลือแต่ลำตัว เธอจึงโผลเข้ากอดให้ลูกได้กินส่วนที่เหลือ ลูกน้อยซอมบี้กอดที่ลำตัวของแม่ไว้แน่น และพูดออกมาว่า "แม่..ช่างอบอุ่นเหลือเกิน"
เรื่องนี้อาจไม่ได้ต้องการเพียงจะสื่อสารถึงเด็กเพียงอย่างเดียว แต่อาจต้องการสื่อถึงพ่อแม่ ที่บางครั้งอยากให้ลูกเป็นแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ คิดแทนลูกว่าควรจะทำอะไร ไม่ควรทำอะไร รักลูกในทางที่ไม่ถูกต้อง จนลืมถามว่า ความสุขแท้จริง สิ่งที่ลูกต้องการคืออะไร ซึ่งสิ่งนั้นอาจเป็นแค่ความรัก ความเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็นเท่านั้นเอง
อีกเรื่องคือ "เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ" มีหมาน้อยตัวหนึ่งที่เก็บความรู้สึกเก่งมาก มันใช้ชีวิตโดยถูกผูกเอาไว้ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา คนในหมู่บ้านเอ็นดูและเรียกมันว่า เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ ตอนกลางวันเจ้าหมาเล่นกับเด็กๆ อย่างสนุกสนานแต่ตกกลางคืน มันกลับส่งเสียงคราง ร้องไห้ เพราะอยากจะปลดเชือกตัวเอง แล้วออกไปวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แต่เพราะมันทำไมได้ วันหนึ่งหัวใจกระซิบถามเจ้าหมาว่า "ทำไมไม่ปลดเชือกที่ล่ามไว้แล้วหนีไปซะ" เจ้าหมาเลยตอบว่า "ฉันโดนผูกมานานมาก เลยลืมวิธีปลดเชือกไปแล้ว"
นิทานเรื่องนี้อาจอยากจะบอกกับเราว่า คนบางคน ที่มัวใส่ใจคนอื่น ใส่ใจความหวังจากคนรอบข้าง ด้วยหน้าที่ภาระหรืออะไรก็ตาม แบกทุกอย่างไว้ จนอึดอัด และทำให้อาจหลงลืมความสุขของตัวเอง แต่ถ้าเรารู้จักวิธีปล่อยวางหรือพักบ้าง จะทำให้เรารู้สึกตัวเบาและมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น พอได้ฟังเรื่องนี้แล้วทำให้รู้สึกอินสุดๆ ไปเลยค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับมุมมองสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกมา ของโกมุนยอง นักเขียนวรรณกรรมเด็กสายดาร์ก ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่า ล้วนเป็นความจริงที่แฝงข้อคิด และสามารถนำมาตกตะกอนปรับใช้ในชีวิตของเราได้ ถ้าท่านใดสนใจอยากจะรู้ว่ามีหนังสือเล่มไหนของนางเอกอีกบ้าง ต้องติดตามกันในซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง It's Okay to Not Be Okay นะคะ