เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้ สำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์ ได้จัดงานเปิดตัวหนังสือใหม่ “อินทรีผงาดฟ้า” ผลงานล่าสุดของ คุณณรงค์ จันทร์เรือง นักเขียนมืออาชีพเจ้าของนามปากกา ใบหนาด ซึ่งโด่งดังจากการเขียนนิยายสยองขวัญด้วยศิลปะการเขียนที่ชวนขนพองสยองเกล้า ซึ่งมีสื่อมวลชลจากหลายแหล่งได้เข้ามาร่วมทำข่าวและสัมภาษณ์แขกรับเชิญและร่วมฟังการสนทนาในงานครั้งนี้อีกด้วย แขกสำคัญที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ทั้งนั้น เช่นคุณณรงค์ จันทร์เรือง, คุณเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์, คุณประภัสสร เสวิกุล,คุณช่วง มูลพินิจและมีแขกรับเชิญพิเศษอย่างคุณขรรค์ชัย บุนปานและคุณชุติมา เสวิกุลเข้าร่วมงานและร่วมภายภาพหมู่เป็นที่ระลึก
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยกลิ่นไอของความเป็นกันเอง ซึ่งทางสำนัก -พิมพ์ได้รับเกียรติอย่างสูงจากคุณ นิเวศน์ กันไทยราษฎร์ ที่รับหน้าที่เป็นพิธีกรในงานดังกล่าว อีกทั้งทางสำนักพิมพ์ ยังได้รับเกียรติ จากเพื่อนๆและรุ่นน้องของคุณรงค์ วงษ์ -สวรรค์ ที่ได้มาร่วมงานสนทนาเกี่ยวกับความเป็นตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ หรือที่เพื่อนฝูงและนักเขียนรุ่นน้องอย่างคุณณรงค์ จันทร์เรืองและคนอื่นๆเรียกกันสั้นๆว่า “พี่ปุ๊” รงค์ วงษ์สวรรค์หรือ ณรงค์ วงษ์สวรรค์ ได้รับการกล่าวสรรเสริญจากแวดวงนักเขียนโดยไม่มีคำคัดค้านใดๆว่าเป็น “พญาอินทรีแห่งสวนอักษร” อีกทั้งยังเป็น “นายแห่งภาษา” หลายๆคนที่รู้จักคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ หรือเคยอ่านผลงานของท่านคงจะทราบกันดีว่า ในสมัยนั้นผลงานของคุณ’รงค์ ได้รับการตอบรับจากสังคมอย่างมาก ทั้งคำชมและคำด่า คุณณรงค์ จันทร์เรืองได้พาแขกรับเชิญและผู้เข้าฟังงานเสวนาย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ในช่วงนั้น เรื่องราวของคุณรงค์ เป็นที่โจษจันกันไปทั่ว ทั้งในวงการนักเขียน และวงการสังคม โดยเฉพาะวงการแม่พิมพ์ของชาติ หรือครู ที่รุมด่าคุณรงค์ กันยกใหญ่ในเรื่องสำนวนการเขียนที่พวกครูลงความเห็นพ้องกันว่าเป็นภาษาวิบัติ
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยกลิ่นไอของความเป็นกันเอง ซึ่งทางสำนัก -พิมพ์ได้รับเกียรติอย่างสูงจากคุณ นิเวศน์ กันไทยราษฎร์ ที่รับหน้าที่เป็นพิธีกรในงานดังกล่าว อีกทั้งทางสำนักพิมพ์ ยังได้รับเกียรติ จากเพื่อนๆและรุ่นน้องของคุณรงค์ วงษ์ -สวรรค์ ที่ได้มาร่วมงานสนทนาเกี่ยวกับความเป็นตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ หรือที่เพื่อนฝูงและนักเขียนรุ่นน้องอย่างคุณณรงค์ จันทร์เรืองและคนอื่นๆเรียกกันสั้นๆว่า “พี่ปุ๊” รงค์ วงษ์สวรรค์หรือ ณรงค์ วงษ์สวรรค์ ได้รับการกล่าวสรรเสริญจากแวดวงนักเขียนโดยไม่มีคำคัดค้านใดๆว่าเป็น “พญาอินทรีแห่งสวนอักษร” อีกทั้งยังเป็น “นายแห่งภาษา” หลายๆคนที่รู้จักคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ หรือเคยอ่านผลงานของท่านคงจะทราบกันดีว่า ในสมัยนั้นผลงานของคุณ’รงค์ ได้รับการตอบรับจากสังคมอย่างมาก ทั้งคำชมและคำด่า คุณณรงค์ จันทร์เรืองได้พาแขกรับเชิญและผู้เข้าฟังงานเสวนาย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ในช่วงนั้น เรื่องราวของคุณรงค์ เป็นที่โจษจันกันไปทั่ว ทั้งในวงการนักเขียน และวงการสังคม โดยเฉพาะวงการแม่พิมพ์ของชาติ หรือครู ที่รุมด่าคุณรงค์ กันยกใหญ่ในเรื่องสำนวนการเขียนที่พวกครูลงความเห็นพ้องกันว่าเป็นภาษาวิบัติ
วันหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อน ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ เพื่อนสนิทของลูกชายเท่าแก่ทรวง เจ้าของสำนักพิมพ์ผดุงศึกษา ได้นัดคุณรงค์ ไปกินเหล้ากับที่ร้านประจำ “ร้านศรแดง” โดยที่มีใครสองสมคนคนนั่งรออยู่ที่ร้านนั้นแล้วซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคุณสุ-พล เตชะธาดา หรือคนในวงการนักเขียนรู้จักกันดีในนาม “เฮียชิว” ลูกชายเจ้าของสำนักพิมพ์ผดุงศึกษา และเพื่อนอีกสองคนคือคุณวิชิต เพ็ญมณี คุณรัตนะ ยาวะประภาษ ตอนแรกที่คุณรงค์และคุณสุพลเจอกันก็ยังคุยกันไม่ค่อยมากเท่าไรตามประสาคนที่รู้จักกันใหม่ๆ เพราะทั้งสองไม่เคยเห็นหน้ากันเลยซักครั้งก่อนหน้านี้ แต่คนอื่นๆ คุณรงค์ก็คุยเฮฮาตามปกติเพราะรู้จักกันแล้ว แต่พอเหล้าเข้าปากได้ซักพัก ความเขินอายก็มลายหายสิ้น ท่านสองท่านคุยกันอย่างออกรส แล้วเพื่อนคุณรงค์ ก็เริ่มพูดถึงต้นฉบับที่คุณ’รงค์เขียนเป็นเรื่องแรก ชื่อเรื่องว่า “หนาวผู้หญิง” และก็แนะนำให้คุณสุพลเอาไปตีพิมพ์ และด้วยความเมา คุณสุพลก็เผลอรับปากไป
เช้าวันรุ่งขึ้นชายสวมเสื้อผ้าแปลกตา มีหนวดรุงรัง ใส่แว่นหนา หอบซองเอกสารบางอย่างมายืนอยู่หน้าบ้านคุณสุพล ตอนนั้นท่านยังคงหลับอยู่ตามนิสัยที่เคยชินคือการนอนตื่นสาย ภรรยาของท่านจึงออกมาดูว่ามีใครมายืนอยู่หน้าบ้าน พอเห็นหน้าเข้าก็ตกใจเพราะไม่เคยรู้จักคนๆนี้มาก่อน แต่พอเอ่ยว่ามีนัดกับคุณสุพล ภรรยาของท่านก็เชิญคุณรงค์ เข้าไปนั่งคอยในบ้าน แล้วขึ้นไปบอกคุณสุพล พอคุณสุพลได้ยินเท่านั้นแหละ ก็ลืมตาตื่นทันที พลางอุทานออกมาว่า “ตายห่า..กูนัดไอ้รงไว้นี่หว่า” ทั้งสองก็พูดคุยกันเรื่องต้นฉบับ หนาวผู้หญิง ด้วยความชำนาญในด้านการเขียนแวดวงวรรณกรรม แค่อ่านต้นฉบับปราดเดียวก็สามารถสรุปได้อย่างสนิทใจเลยว่า หนังสือเล่มนี้ หากตีพิมพ์ก็จะมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง แต่สัญญาก็คือสัญญา เมื่อได้รับปากไปแล้วคุณสุพลจึงต้องยอมทำใจสั่งพิมพ์หนาวผู้หญิงออกมา
แต่เมื่อหนังสือเล่มนี้ได้ออกวางจำหน่าย ผลที่ได้กลับเกินคาด หนาวผู้หญิงขายหมดเกลี้ยงภายในไม่ถึงอาทิตย์ คุณสุพลต้องรีบสั่งพิมพ์เพิ่มด่วน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อ่าน ที่กระหายจะเสพความสุขจากปลายน้ำหมึกของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ ภายในงานเรื่องสนทนาสนุกๆที่เกี่ยวกับคุณ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ ยังมีอีกหลายต่อหลายเรื่องทั้งจากคุณณรงค์ จันทร์เรือง และแขกรับเชิญท่านอื่นๆ มีเรื่องอยู่หนึ่งเรื่องที่คุณณรงค์เล่าได้อย่างประทับใจ สามารถสะกดคนฟังให้เพ่งจิตตรงไปที่เวทีสนทนาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ คือเรื่องที่หลายต่อหลายคนสงสัยว่า ทำไมคุณ‘รงค์ วงษ์สวรรค์จึงไม่ยอมไปงานศพใครเลย แม้แต่คุณคุณรัตนะ ยาวะประภาษ เพื่อนที่แสนดีและมีบุญคุณต่อคุณ ‘รงค์ ที่ทำให้หนังสือเล่มแรกของท่านได้ถูกตีพิมพ์สมดั่งใจหมายก็ยังไม่ไป
วันหนึ่งคุณณรงค์ จึงเข้าไปถามคุณ‘รงค์ตรงๆเลยว่า “ทำไมพี่ปุ๊ถึงไม่ยอมไปงานศพเพื่อน” สำหรับคนอื่นๆแล้ว คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมองว่าคุณ‘รงค์เป็นคนเห็นแก่ตัว รักสบาย ขี้เกียจไปแม้กระทั้งงานศพเพื่อนสนิท แต่สำหรับคุณณรงค์ ผู้รู้ความจริงจากปากคุณ‘รงค์แล้ว ท่านเข้าใจว่าทำไมคุณ‘รงค์จึงไม่ยอมไปงานศพใครเลย
คุณณรงค์ จันทร์เรือง ได้เล่าความจริงให้กับเพื่อนๆที่มาล้อมวงสนทนา ผู้สื่อข่าว และแขกผู้มีเกียรติว่า “ความจริงแล้วที่พี่ปุ๊ไม่ยอมไปงานศพใครก็เพราะว่า พี่เค้ารู้สึกร้อน” คุณณรงค์ทิ้งคำปริศนาไว้แค่นี้ ทิ้งให้ผู้ฟังนั่งงงไปตามๆกัน ก่อนจะขยายข้อเท็จจริง “พี่ปุ๊บอกว่า ที่พี่รู้สึกร้อน เพราะเห็นเพื่อนต้องถูกยัดใส่เตาและเผาจนเหลือแต่กระดูก ลองคิดดูซิว่ามันร้อนแค่ไหน กูทนดูเพื่อนถูกยัดเข้าเตาเผาไม่ได้หรอก” นี่คือความจริงที่คุณ‘รงค์ ได้บอกกับคุณณรงค์ จันทร์เรือง
เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงที่การสนทนาของบรรดาผองเพื่อนสมาชิกญาติน้ำหมึก’รงค์ วงษ์สวรรค์ ได้ผู้คุยกันถึงชายผู้ปราดเปรื่องศิลปะเกินใคร มีใจรักในเหล้า เสียงเพลง กลิ่นไอของธรรมชาติ และอิสระทางความคิด ‘รงค์ วงษ์สวรรค์
ก่อนจะจบงานคุณนิเวศน์ได้กล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน รวมทั้งสื่อมวลชนที่เข้าร่วมฟังการสนทนา และร้องเพลง “‘รงค์ วงษ์สวรรค์ อินทรีผงาดฟ้า” ซึ่งคุณนิเวศน์ ได้แต่เองเพื่อเป็นเกียรติให้กับคุณ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ บทเพลงดังกล่าวสร้างความประทับใจให้กับแขกผู้มาร่วมงานและทีมงานประพันธ์สาสน์ผู้จัดงานเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับงานดังกล่าวนี้ สำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์ ต้องขอขอบคุณ แขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน โดยเฉพาะคุณขรรค์ชัย บุนปาน ที่ได้เอื้อเฟื้อสถานที่และให้เกียรติเป็นแขกในงาน และขอขอบคุณคุณนิเวศน์ กันไทยราษฎร์ ที่สละเวลาช่วยเหลือกิจกรรมของทางสำนักพิมพ์ตลอดมา ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน รวมทั้งสื่อมวลชนที่ได้สละเวลามาร่วมงานดังกล่าว