เมื่อกล่าวถึงคำว่า ''อินทรี'' เชื่อว่า ผู้อ่านคงจินตนาการถึงนกชนิดหนึ่งที่สง่างามในท่วงท่าการบินบนท้องฟ้า ปีกของมันสยายออกเป็นแผงกว้าง แม้ยามที่มันร่อนลงสู่พื้นดิน ลักษณะรูปร่างของมันก็ยังคงเสน่ห์ของความเป็นนกที่น่าเกรงขามไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งอินทรียังเป็นนกที่มองการณ์ไกล ดังนั้นอเมริกาจึงใช้นกอินทรีเป็นสัญลักษณ์หนึ่งแทนประเทศอเมริกา
แต่สำหรับหนังสือเรื่อง "อินทรีผงาดฟ้า" ในที่นี้ คุณณรงค์ จันทร์เรืองได้นำอินทรีมาเป็นตัวแทนของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ เซียนนักเขียนระดับเทพซึ่งมีความสง่างามและเด่นตระหง่านในด้านวงการวรรณกรรม ไม่ต่างอะไรกับอินทรีที่เป็นพญานกเหนือนกอื่นทั้งปวง ทั้งนี้ก็เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ที่คุณณรงค์ได้พบประสบมาด้วยตัวเอง อีกทั้งยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญซึ่งคนเป็นแฟนผลงานของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ ก็อาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำไป
เพราะฉะนั้นแล้ว หนังสือเรื่องอินทรีผงาดฟ้า จึงเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่ง สำหรับผู้ที่รักวงการน้ำหมึกไม่ควรพลาด เพราะในหนังสือเล่มนี้ แม้จะเน้นเรื่องของ รงค์ เป็นส่วนมากก็จริง แต่ก็มีเรื่องของนักเขียนคนอื่นๆที่มีชื่อเสียง ซึ่งล้วนเป็นเพื่อนพ้องของ รงค์ วงษ์สวรรค์ และณรงค์ จันทร์เรือง ด้วยทั้งนั้น
สำหรับ ณรงค์ จันทร์เรือง ผู้รังสรรค์ผลงาน อินทรีผงาดฟ้า ชิ้นนี้ขึ้นมา ผู้อ่านหลายๆคนคงจะคุ้นกับชื่อนี้เป็นอย่างดี ยิ่งเฉพาะคอหนังสือสยองขวัญนั้นต้องบอกว่าคงจะรู้จักเป็นแน่กับนามปากกา "ใบหนาด"
ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆๆ นามปากกาที่ณรงค์ใช้ เช่น รบ จันทร์แรม, คริส สารคาม, บุญเสมอ แดงสังวาลย์ ฯลฯ นอกจากผลงานเด่นดังทางด้านหนังสือผีๆ แล้ว ยังมีผลงานอีกมากมายที่คุณณรงค์ ได้สร้างขึ้นในวงการนักเขียนของไทย เช่น เทพธิดาโรงแรม, ธิดาคาเฟ่, ดอกงิ้ว, หุ้นตัวสุดท้าย ฯลฯ และหนึ่งในผลงานชิ้นเองคือภาพยนตร์เรื่อง "ปลัดปืนโหด" โดยการสร้างครั้งนี้เป็นคนเขียนบทเองและยังกำกับเอง
และครั้งนี้ณรงค์ จันทร์เรือง กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับผลงานเชิงชีวประวัติ เรื่องอินทรีผงาดฟ้า เนื้อหาในเล่มก็จะมีลักษณะดังที่กล่าวในข้างต้นไว้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ รุ่นพี่สุดสนิทของณรงค์
เนื้อหาเริ่มตั้งแต่ประวัติของ รงค์ ร่ายยาวไปถึงจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่อาชีพนักเขียน ความลำบากที่นักเขียนทุกคนต้องเผชิญกว่าจะมาถึงจุดที่เรียกได้ว่า "ประสบความสำเร็จ" อีกทั้งยังแทรกเหตุการณ์ต่างๆที่เพื่อนนักเขียนได้มีประสบการณ์ร่วมกัน รวมถึงที่มาของฉายานามต่างๆ ของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ ทั้ง นักเขียนเพรียวนม, นายแห่งภาษา และพญาอินทรีแห่งสวนอักษร
และเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ถูกร้อยเขียนขึ้นเป็นบทสนทนาระหว่าง รงค์ วงษ์สวรรค์ กับเพื่อนๆนักเขียนและการเขียนลักษณะเล่าเรื่อง ซึ่งจะทำให้คุณผู้อ่านเข้าใจถึงนิสัยจริงๆของ รงค์ ว่านักเขียนคนนี้เขียนทุกอย่างด้วยใจจริงๆและเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความคิด ของตัวเองเป็นที่สุด แม้ว่ากระแสสังคมจะวิจารณ์ผลงานมากมายแค่ไหนก็ตาม ถึงอย่างไรก็ดี ผลงานเหล่านั้นก็ไม่เคยถูกสังคมปฏิเศษ แต่กลับได้รับความนิยมถึงขนาดต้องเรียกร้องให้เขียนภาคต่อ เช่นหนังสือเรื่องใต้ถุนป่าคอนกรีต ที่วางขายทีเดียวหมื่นเล่ม...แต่กลับหมดภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ทำให้ 'รงค์ ต้องเขียนหนังสือเรื่องต่อ ถึง...ป่าคอนกรีต ออกมาเพื่อสนองความต้องการของผู้อ่าน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องหลายเรื่องที่ชวนให้ผู้อ่านจะต้องหัวเราะไปกับคุณณรงค์ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ รงค์ ได้เจอมา เช่น
".... เมื่อตอนที่ รงค์ ไปเจอผู้หญิงขายตัว ซึ่งเจ้าหล่อนคนนั้นก็เป็นพวกปากแหว่งเพดานโหว่เล่นเอาซะรงค์ ตกใจนึกว่าเธอเป็นโรคเรื้อนเลิกเดินหนีจ้ำอ้าวเข้ากอหญ้า แต่บังเอิญ ข้างในกอหญ้าดันมีคนนอนอยู่ตั้งสองคนแนะ อิอิ มันไปนอนทำอะไรคุณผู้อ่านก็คงจะรู้นะครับ..."
แม้ว่าตอนนี้ รงค์ วงษ์สวรรค์ จะได้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ความทรงจำดีๆ ที่น่าประทับใจรวมทั้งผลงานการเขียนที่การันตีฝีมือด้วยรางวัลศิลปินแห่ง ชาติสาขาวรรณศิลป์ จะเป็นหลักฐานที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของ รงค์ วงษ์สวรรค์ และจะยังคงตราบตรึงอยู่ในหมู่ญาติมิตร เพื่อนฝูงและแฟนนักอ่านตลอดไปตราบนานเท่านาน
อินทรีผงาดฟ้า เป็นหนังสือชีวประวัติของ รงค์ วงษ์สวรรค์ นักเขียนชื่อดังแห่งวงวรรณกรรม ผู้ซึ่งได้รับฉายาว่า"พญาอินทรีแห่งสวนอักษร" ซึ่งในยุคหนึ่งนักเขียนผู้นี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของนักเขียนในยุคหลังๆ หลายคนที่เคยได้อ่านงานของ รงค์ แล้วเกิดอยากจะเป็นนักเขียน ด้วยสำนวนภาษาและลีลาการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของคนหลายๆคนและไม่เป็นที่ชื่นชอบของอีกหลายๆคน เช่นกัน ซึ่งเขาก็ไม่เคยแคร์
ชื่อของ รงค์ วงษ์สวรรค์ เริ่มเป็นที่รู้จักและโด่งดังเป็นอย่างมาก เมื่อผลงาน "หนาวผู้หญิง" ที่เป็นงานเขียนเล่มแรก ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นออกวางตลาด เป็นการจุดกระแสให้วงการน้ำหมึกเริ่มคึกคัก แรงตอบรับในผลงานของ รงค์ เริ่มมีมากขึ้น ทั้งในด้านบวกและด้านลบ ที่ได้กลายเป็นแรงผลักดันให้เขาสร้างสรรค์งานออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเถ้าอารมณ์, ไฟอาย, สนิมสร้อย, บนถนนของความเป็นหนุ่ม, สนิมกรุงเทพฯ ปักเป้ากับจุฬา, บางลำภูสแควร์, คืนรัก, เสเพลบอยบันทึก, พ่อบ้านหนีเที่ยว ฯลฯ
นอกจากฉายา "พญาอินทรีแห่งสวนอักษร" แล้ว รงค์ วงษ์สวรรค์ ยังได้รับอีกหนึ่งฉายา คือ "นายแห่งภาษา" เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่รู้จักหยิบคำต่างๆ ในภาษาไทยมาใช้อย่างเป็นประโยชน์และทันสมัยเป็นคนที่ใช้ภาษาในการพรรณนาได้ อย่างกินใจและเห็นภาพด้วยสำนวนของเขาเองที่เรียกขานว่า "สำนวนเพรียวนม"
สำหรับ เรื่องราวจากหนังสือ อินทรีผงาดฟ้า นับเป็นเรื่องราวที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานชีวิตของพญาอินทรีเลยก็ว่าได้ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ รงค์ วงษ์สวรรค์ ยังไม่มีชื่อเสียงในวงการ จนถึงวันที่ความสำเร็จต่างๆได้หลั่งไหลเข้ามาสู่ตัวเขาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2538 และแม้ว่าวันนี้ "พญาอินทรี" จะบินลับฟ้าลาสวนอักษรแห่งนี้ไปแล้วแต่ชื่อเสียงและผลงานก็จะยังคงความเป็น อมตะในหัวใจของนักอ่าน และวงการวรรณกรรมไทยตลอดกาล
ส่วนงานเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ได้มีการจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2552 ที่หอประชุมใหญ่อาคารสำนักงานหนังสือพิมพ์ข่าวสด โดยมีนักเขียน, นักหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนรวมไปถึงแฟนหนังสือของทั้งรงค์ วงษ์สวรรค์และณรงค์ จันทร์เรือง ไปร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
บนเวทีมีการเสวนากันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ รงค์ วงษ์สวรรค์ ด้วย โดยมีแขกรับเชิญ อย่าง เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ รองประธานบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องซึ่งสนิทที่สุดคนหนึ่งของ รงค์ วงษ์สวรรค์, ประภัสสร เสวิกุล อดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ที่มีความประทับใจในงานเขียนสำนวนแบบ รงค์ วงษ์สวรรค์ จนถึงขั้นเลียนแบบสำนวนและสไตล์การเขียน จนได้เขียนแทน รงค์ วงษ์สวรรค์ ในคอลัมน์ รำพึงรำพัน โดย ลำพู , ช่วง มูลพินิจ ศิลปินชื่อดังระดับประเทศ , ณรงค์ จันทร์เรือง ผู้เขียนเล่มนี้ ดำเนินรายการโดย นิเวศน์ กันไทยราษฎร์
ส่วนแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน อาทิ ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน), เสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการบริหารมติชนสุดสัปดาห์, ฐากูร บุนปาน บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ข่าวสด, ดำรงค์ อารีกุล นักเขียนชื่อดัง ฯลฯ ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปอย่างอบอุ่น สนุกสนานเพราะแขกรับเชิญ แต่ละคนต่างก็มีความรัก, ความหลังกับรงค์ วงษ์สวรรค์ ด้วยกันทั้งสิ้น
เชื่อว่าผลงานเล่มนี้ คงจะได้รับความสนใจจากนักอ่านอย่างกว้างขวางสมใจสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ซึ่งตั้งอกตั้งใจจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอน
สั่งซื้อหนังสือ : http://praphansarn.com/book_online