แสงสีสดใสกับโลกมายาจอมปลอม : คุณเป็นคนใฝ่ไหน

แสงสีสดใสกับโลกมายาจอมปลอม

 

          แสงที่ส่องสว่างของดวงดาวก็เหมือนกับความรู้สึกของคนเรา ดวงดาวในยามค่ำคืนเราอาจจะมองว่าสวยงามอยิ่งค่ำคืนไหนที่ท้องฟ้ามืดมิด เราก็จะเห็นหมู่ดาวมากมายแสนสวยงาม แต่ก็อย่างที่เรารู้ แสงของดวงดาวเกิดจากดวงอาทิตย์ เราไม่เคยชื่นชมดวงอาทิตย์ที่มีแสงในตัวเองจนสามารถเผื่อแผ่แสงเหล่านั้นไปให้หมู่ดวงในบริวารทั่วทั้งกาแล็กซี ในเวลาที่แสงของดาวอาทิตย์เจิดจ้า เรามักไม่ชอบใจเพราะแสงของดวงอาทิตย์นั้นร้อนดังไฟนรก มีแต่เสียงด่าทอมากมายที่ไม่ชอบใจกับดวงอาทิตย์ แต่กลับหมู่ดาวบนท้องฟ้าที่เราเห็นกับได้รับแต่ความชื่นชมว่าสวยงาม ทั้งๆ ที่ความสวยงามนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่เห็นมีใครชมดวงอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ

        ทั้งนี้ไม่ได้ต้องการให้ทุกคนชมดวงอาทิตย์ เพียงแต่ว่าต้องการที่จะเปรียบเทียบเท่านั้น ชีวิตของคนเราเกิดมาเพื่อตามหาบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าเป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เมื่อมีเป้าหมายเราก็จะทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย โดยไม่ได้ดูเลยว่าวิธีที่เลือกปฏิบัตินั้นเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่

          รูปแบบแรงจูงใจที่มีในบ้านเราเห็นจะมี  3 รูบแบบ คือ

        1. แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ (Achievement Motive) หมายถึง แรงจูงใจที่เป็นแรงขับให้บุคคลพยายามที่จะประกอบพฤติกรรมที่จะประสบผลสัมฤทธิ์ตามมาตรฐานความเป็นเลิศ (Standard of Excellence) ที่ตนตั้งไว้ บุคคลที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จะไม่ทำงานเพราะหวังรางวัล แต่ทำเพื่อจะประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้  ผู้มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้

                    1. มุ่งหาความสำเร็จ (Hope of Success) และกลัวความล้มเหลว (Fear of Failure)

                    2. มีความทะเยอทะยานสูง

                    3. ตั้งเป้าหมายสูง

                    4. มีความรับผิดชอบในการงานดี

                    5. มีความอดทนในการทำงาน

                    6. รู้ความสามารถที่แท้จริงของตนเอง

                    7. เป็นผู้ที่ทำงานอย่างมีการวางแผน

                    8. เป็นผู้ที่ตั้งระดับความคาดหวังไว้สูง

 

2. แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ (Affiliative Motive) ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ มักจะเป็นผู้ที่โอบอ้อมอารี เป็นที่รักของเพื่อน มีลักษณะเห็นใจผู้อื่น ซึ่งเมื่อศึกษาจากสภาพครอบครัวแล้วผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ มักจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น บรรยากาศในบ้านปราศจาก การแข่งขัน พ่อแม่ไม่มีลักษณะข่มขู่ พี่น้องมีความรักสามัคคีกันดี ผู้มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์จะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้

                    1. เมื่อทำสิ่งใด เป้าหมายก็เพื่อได้รับการยอมรับจากกลุ่ม

                    2. ไม่มีความทะเยอทะยาน มีความเกรงใจสูง ไม่กล้าแสดงออก

                    3. ตั้งเป้าหมายต่ำ

                    4. หลีกเลี่ยงการโต้แย้ง มักจะคล้อยตามผู้อื่น

 

3. แรงจูงใจใฝ่อำนาจ (Power Motive) สำหรับผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่อำนาจนั้น พบว่า ผู้ที่มีแรงจูงใจแบบนี้ส่วนมากมักจะพัฒนามาจากความรู้สึกว่า ตนเอง "ขาด" ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการ อาจจะเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้ทำให้เกิดมีความรู้สึกเป็น "ปมด้อย" เมื่อมีปมด้อยจึงพยายามสร้าง "ปมเด่น" ขึ้นมาเพื่อชดเชยกับสิ่งที่ตนเองขาด ผู้มีแรงจูงใจใฝ่อำนาจจะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้

                  1. ชอบมีอำนาจเหนือผู้อื่น ซึ่งบางครั้งอาจจะออกมาในลักษณะการก้าวร้าว

                  2. มักจะต่อต้านสังคม

                  3. แสวงหาชื่อเสียง

                  4. ชอบเสี่ยง ทั้งในด้านของการทำงาน ร่างกาย และอุปสรรคต่าง ๆ

                  5. ชอบเป็นผู้นำ

 

         แรงจูงใจแบบใฝ่สัมพันธ์และใฝ่อำนาจจะเห็นเป็นส่วนใหญ่ น้อยคนที่จะมีแรงจูงใจแบบใฝ่สัมฤทธิ์ ก็ด้วยในระบบของประเทศไทยที่มีค่านิยมทางใฝ่สัมพันธ์และใฝ่อำนาจที่มากกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือให้มาก ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ หากมีเส้นมีสายก็สามารถมีหน้าที่การงานที่ดีได้ ด้วยเหตุนี้คนเรามักจะเยินยอบุคคลที่มีตำแหน่งใหญ่โตเพราะหวังเพียงว่าในอนาคต อาจจะได้รับอานิสงส์จากคนใหญ่คนโต ให้ได้มีอนาคตที่ดีต่อไป

        หากเราทุกคนยังเป็นแบบนี้ ยังมีแรงจูงใจแบบใฝ่สัมพันธ์และใฝ่อำนาจอยู่โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่า การที่เราละเลยบุคคลที่มีใฝ่สัมฤทธิ์ไปนั้น ก็จะทำให้เราขาดแคลนบุคคลที่มีคุณภาพไป เพราะโดนกลุ่มคนที่ใฝ่สัมพันธ์และใฝ่อำนาจแย่งชิงหน้าที่การงานไปหมด จนทำให้พวกเขาต้องกลายมาเป็นคนที่ใฝ่อำนาจและใฝ่สัมพันธ์เอง เพราะปากท้องต้องกิน สุดท้ายบ้านเราก็จะไม่สามารถเจริญได้ หากเราทุกคนยังมีนิสัยแบบนี้กันอยู่

        เปรียบใฝ่สัมพันธ์และใฝ่อำนาจก็ไม่ต่างไปจากแสงของดวงดาว แม้จะสวยงามแต่แสงของดวงดาวนั้นก็มาจากดวงอาทิตย์  ดวงอาทิตย์ถึงแม้ว่าจะมีแสงที่ร้อนระอุแต่ก็สร้างประโยชน์ทั่วทั้งกาแล็กซี เช่นกันใฝ่สัมฤทธิ์แม้จะโดนเอาเปรียบจากใฝ่สัมพันธ์และใฝ่อำนาจแต่ใฝ่สัมฤทธิ์ก็เป็นใฝ่ที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศมากที่สุด

        แม้ทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน เราก็ต้องให้ค่ากับสิ่งนั้นอย่างเหมาะสมไม่ควรเพิกเฉยต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนสิ่งเล่านั้นกลายเป็นไร้ค่าไปเลย

 

 

เขียนโดย ภัคจิรา กอบัว

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ