หลายท่านคงทราบดีว่ามีการรายงานอย่างเป็นทางการว่า คนไทยเป็นชาติที่อ่านหนังสือน้อยมาก จากการสำรวจสถิติการอ่านหนังสือของคนไทยของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) พบว่า คนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปอ่านหนังสือลดลง จากร้อยละ 69.1 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 66.3ในปี 2551 และจากจำนวนคนที่ไม่อ่านหนังสืออีกร้อยละ 33.7 นั้นใช้เวลาเพื่อดูโทรทัศน์ถึงร้อยละ 54.3 รองลงมาคือ ไม่มีเวลาอ่าน ไม่สนใจ หรือไม่ชอบอ่านหนังสือ และอ่านหนังสือไม่ออกตามลำดับ
ส่วนประเภทของหนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดคือ หนังสือพิมพ์ รองลงมาคือนวนิยาย การ์ตูน หนังสืออ่านเล่น ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบผู้อ่านหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยที่มีถึงร้อยละ71.0 นับว่าใกล้เคียงกับประเทศออสเตรเลีย ที่มีจำนวนร้อยละ 77.3
อย่างไรก็ตามคนไทยใช้เวลาอ่านหนังสือน้อยลงจากเฉลี่ย 51 นาทีต่อวันในปี 2548 เหลือ39นาทีต่อวัน ในปี 2551 โดยมีกลุ่มเยาวชนอ่านหนังสือมากที่สุด 46 นาทีต่อวันซึ่งนับว่านี้คือปัญหาอย่างหนึ่งของสังคมไทย ที่ทำให้ประกรของชาติขาดจินตนาการ ซึ่งจะนำมาซึ่งผลเสียต่างๆอีกมากมาย
แม้ว่าทึกวันนี้จะมีร้านหนังสือเปิดขายมากมาย เพื่อให้บริการที่สะดวกสบายเชิญชวนให้ผู้คนหันมาสนใจหนังสือมากขึ้น แต่ผลที่ได้ก็มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป
แม้กระทั้งในโรงพยาบาลเองก็ยังมีร้านหนังสือเปิดให้บริการ หลังจากที่ออกนอกเรื่องไปมากทีเดียว เราวกกลับมาเข้าเรื่องกันเถอะครับ อิอิ (เม้าท์เยอะไปหน่อย) ผมกำลังจะบอกกับท่านผู้อ่านว่า ร้านหนังสือที่เป็นประเภท Stand alone โดยมากแล้วผู้ที่ทำการตลาดดังกล่าว มักจะเป็นคนที่มีนิสัยรักการอ่านหนังสือ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งดีครับ
ร้านคณะบุคคล บุ๊คคิช โรงพยาบาล หู-คอ-ตา-จมูก เองก็เช่นกัน ผู้จัดการร้าน คุณจินดารัตน์ รุ่งเผ่าพันธุ์ ได้เปิดร้านนี้ขึ้นด้วยใจรักการอ่านหนังสือ แต่เนื่องด้วยคุณจินดารัตน์เองเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ จึงทำให้มีจินตนาการ มีความคิดที่แปลกใหม่ จึงได้นำร้านกาแฟเข้ามาเปิดให้บริการในร้านหนังสือด้วย ซึ่งแน่นอนครับ การตกแต่งร้านต้องมีบรรยากาศที่แปลกใหม่สำหรับคนที่เข้ามาใช้บริการ เหตุผลที่ทำให้มีการผสมผสานดังกล่าว เป็นเพราะผู้คนส่วนมากนิยมเช้าร้านกาแฟกันอยู่แล้ว แต่เมื่อมีหนังสืออยู่ในร้านด้วยก็จะมีส่วนในการเชิญชวนให้ลูกค้าเข้าไปหยิบจับหนังสือและก็เปิดอ่าน ซึ่งวิธีการนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คนไทยอ่านหนังสือได้มากขึ้นอีกด้วยครับ
ร้านหนังสือที่เปิดในโรงพยาบาล แนวหนังสือที่นำมาขายคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของอาหารการกินและสุขภาพเป็นแน่ครับ เพราะผู้คนส่วนมากที่เข้าโรงพยาบาลย่อมเป็นผู้ที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพตัวเอง หรือไม่ก็มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอยู่แล้ว จึงนับว่าเป็นสิ่งดีๆอีกสิ่งหนึ่งที่ร้านหนังสือแห่งนี้ได้มอบให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการครับ
ถึงแม้ว่าร้านหนังสือแห่งนี้จะมีลักษณะการขายที่ต่างไปจากร้านหนังสือที่อื่นๆ แต่ในเรื่องของราคาและโปรโมชั่นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับร้านหนังสือทั่วไปครับ ทางร้านมีส่วนลด 5-15 % เพื่อสนับสนุนให้ผู้คนหันมาใส่ใจการอ่านหนังสือมากขึ้น หนังสือที่ทางร้านคัดมานอกจากจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับสุขภาพแล้ว ยังมีหนังสือประเภทอื่นอีกมากมาย ซึ่งการคัดเลือกก็จะขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าว่าสนในหนังสือลักษณะไหนเป็นพิเศษ อีกทั้งทางร้านยังนำเข้าหนังสือใหม่ๆมาให้บริการลูกค้า เพื่อจะได้ตามโลกทันกระแสครับ
เนื่องจากร้านหนังสือประเภทที่มีมุมกาแฟเป็นค้านหนังสือที่เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นในบ้านเรา ดังนั้นรูปแบบหนังสือที่เหมาะสมกับร้านกาแฟจึงมีไม่ค่อยมากเท่าที่ควร นั่นหมายความว่า สำนักพิมพ์ต่างๆต้องเริ่มคำนึงถึงจุดนี้ด้วย เพื่อกระจายหนังสือให้มีความหลากหลายและเหมาะกับร้านกาแฟ และโอกาสต่างๆ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยให้คนไทยเข้าถึงหนังสือได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าทำได้ก็จะถือว่าเป็นการช่วยให้คนไทยมีศักยภาพการอ่านไม่น้อยหน้าชาติใดในโลก อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาจินตนาการของคนไทยให้กว้างไกลอีกด้วย
สุดท้ายนี้ ทางทีมงานคนสร้างร้านหนังสือ สำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์ต้องขอขอบพระคุณ คุณจินดารัตน์ รุ่งเผ่าพันธุ์ เป็นอย่างยิ่งที่ได้สละเวลาให้ทางทีมงานสัมภาษณ์ข้อมูล ทั้งนี้ก็เพื่อจุดประสงค์ร่ามกันที่อยากให้คนไทยอ่านหนังสือมากกว่านี้ครับ
ติดต่อร้าน โรงพยาบาล หู ตา คอ จมูก โทรศัพท์ 02-372-2350