ทำไมต้องนักเขียนหญิง : ฟังเสียงสะท้อนผ่านมุมมองในวรรณกรรม

ทำไมต้องนักเขียนหญิง

ทำไมต้องนักเขียนหญิง

      เนื่องจากวันที่ 1 สิงหาคม เป็นวันสตรีไทย และสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ผู้ริเริ่มก่อตั้ง “รางวัลชมนาด” เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนความสามารถให้ “สตรี” ผลิตวรรณกรรมที่มีคุณค่า ด้วยเจตนารมณ์ที่อยากให้สะท้อนสังคมผ่านมุมมองของนักเขียนหญิง แต่เหตุใดถึงจำกัดแค่เฉพาะนักเขียนหญิงเท่านั้น จึงยกตัวอย่างจากผลงาน 3 เรื่อง ที่เคยได้รับรางวัลชมนาด ซึ่งนำมาจากส่วนหนึ่งของการเสวนา “รางวัลชมนาด ทำไมต้องนักเขียนหญิง”

 

     "นวนิยายเรื่อง 'รอยวสันต์' เขียนโดย ยุวดี เขียนสะท้อนภาพอาซิ้ม 4 คนลงเรือหนีความลำบากมาจากเมืองจีน สิ่งที่ต้องฝ่าฟันเหน็ดเหนื่อยที่สุดกลับไม่ใช่แค่ความยากจน เพราะทุกคนเป็นผู้หญิงเก่ง มีอาชีพมีงานของตัวเอง แต่สิ่งที่กดทับผู้หญิงไว้คือประเพณีวัฒนธรรมความเชื่อของคนจีน แล้วเป็นชีวิตที่เธอเลือกไม่ได้ เตี่ยบังคับให้แต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก คนอ่านก็ตั้งคำถามผู้หญิงในครอบครัวจีน ทำได้เพียงแค่แต่งงานกับผู้ชายสักคน แล้วมีลูกไปก็จบแค่นั้นเองหรือ ทั้งที่เธอมีความสามารถมากมาย” 

 

       มาถึงเรื่อง 'ฉันคือเอรี่ กับประสบการณ์ข้ามแดน' นวนิยายของ ธนัดดา ที่เขียนจากประสบการณ์จริงของหญิงไทยที่จำเป็นต้องขายตัว  ได้เห็นปัญหาโสเภณีในสังคมไทย สอดแทรกความหวังไว้ในเรื่อง มันคือความงดงาม เช่นในเรื่อง ‘ขังหญิง’ ซึ่งเป็นภาคต่อกับเรื่องแรก 

 

      และสำหรับนักเขียนหญิงรางวัลชมนาด ครั้งที่ 10 ยุ้ย-ชนินทร์ธรณ์ เจ้าของผลงาน 'The Lost Fairy หลง เงา รัก' นี่คือวรรณกรรมยุคสมัยใหม่ที่นักเขียนใช้รสนิยมดูหนัง ฟังเพลง อ่านวรรณกรรมคลาสสิก มาสอดแทรกไว้ในเรื่องราวหญิงสาวผู้ทันสมัย มีอาชีพนางแบบ อ่านแล้วก็ให้ความเป็นธรรมกับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งว่าเธอสามารถเลือกทางที่ผิดพลาดได้ แล้วพระเอกถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายในอุดมคติ แต่อ่านแล้วก็ได้เห็นภาพผู้ชายดีๆ โรแมนติก ควรจะเป็นคนอย่างไร

 

      ด้านผู้เขียนอย่าง ชนินทร์ธรณ์ ขยายความถึงผลงานเขียนของเธอว่า ได้ให้นางเอกดำเนินเรื่องด้วยอาชีพนางแบบ ใช้รูปลักษณ์หน้าตาทำงานจนเกิดความเครียด อดอาหารจนร่างกายย่ำแย่ มันคือเรื่องราวของผู้หญิงยุคนี้แท้จริง และถึงแม้ว่าสิ่งที่เขียนจะไม่ได้หยิบยกปัญหาเรื่องมหภาคที่ยิ่งใหญ่ แต่นวยิยายก็ได้สื่อถึงปมในใจของผู้หญิง 

 

      “ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก แต่มันคือปัญหาของคนในยุคนี้ เช่นวามไม่พึงพอใจในภาพลักษณ์ตัวเองส่องกระจกแล้วรู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตา แค่คำทักทายธรรมดาๆ ทำไมวันนี้ดูอ้วนจังเลย หรือผอมไปไหม เชื่อว่าทุกๆ คนต้องเคยเจอคำทักทำนองนี้แล้วเราก็ไปใส่ใจมัน จนหลงลืมไปว่าเราก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่วันๆ ต้องเจออะไรๆ อีกหลายปัญหา จนเกิดเป็นความเครียดสะสมในใจเหมือนนางเอกในเรื่องนี้ กลายเป็นอาการทางจิต อดอาหารจนป่วยโรคคลั่งผอมหรือ Anorexia และคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ แล้วยิ่งอยู่ในโลกโซเชียลทุกคนต้องการความสมบูรณ์แบบ ผู้หญิงต้องต่อสู้กับเรื่องเหล่านี้ อีกมุมคือความรักของนางเอกก็ไม่ใช่ความรักในอุดมคติ ไม่ใช่รักเดียวใจเดียวแล้วทำไมเราจึงกล้าเขียนให้นางเอกเป็นผู้หญิงแบบนี้ ก็เพราะมันสะท้อนอีกมุมความจริงสังคมสมัยใหม่ ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ชีวิตต้องกล้าเดินต่อไปค่ะ"

 

      ส่วน มุมมองของรุ่นพี่ ยุวดี แนะว่าถ้าอยากเป็นนักเขียน ต้องเริ่มจับปากกาเขียน ยิ่งเขียนจะยิ่งลื่นไหล 

       "เรามีเรื่องจะบอกสังคมมากมายค่ะ ถึงแม้ว่านวนิยายไทยอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงสังคมชัดเจน แต่ดิฉันก็จะเขียนเพียงให้คนอ่านได้เห็นความจริง นวนิยายนักเขียนหญิงไม่แค่พาฝัน แต่เรามองสังคมจากเรื่องใกล้ตัวได้ บ้านดิฉันเป็นร้านเบเกอรี่มา 25 ปี แล้วคนงานหญิงที่มาเป็นลูกจ้างตั้งแต่ยุคคนไทยจนถึงต่างด้าว เติบโตมากับการเลี้ยงดูของแม่หรือตายายเกือบแทบทั้งนั้น ถ้าหยิบเรื่องนี้มาเขียนแล้วมีคนอ่านผู้ชายสักครึ่ง ก็เท่ากับว่าเราส่งเสียงบอกอะไรเขาได้บ้างนะคะ หน้าที่ของนักเขียนคือเราต้องชี้ความจริงในสังคมให้เด่นชัดขึ้นมาค่ะ"

 

     การเขียนความจริงของ 3 นักเขียนหญิง เรื่องที่แรง กล้า มาจากประสบการณ์ตรงแบบเรียลสุดๆ ก็ต้องยกให้ เอรี่-ธนัดดา

"เขียนเรื่องที่สังคมไม่เคยรู้ คือสิ่งที่เราอยากเขียน และจะเขียนต่อไปค่ะ ตอนทำงานบริการเราเห็นสังคมที่แตกร้าว เพราะผู้ชายผู้หญิงคิดไปคนละทาง ต่างคนต่างตั้งคำถามกันและกัน 

 

      นวนิยายเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้มากนัก แต่ยืนยันว่าเปลี่ยนได้จากฝีมือนักประพันธ์สตรี เช่นขับเคลื่อนประโยคคุ้นเคย "ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง" ทำไมอาซิ้มตัวละครเอกในนวนิยายเรื่อง รอยวสันต์ ต้องติดหล่มนี้ทั้งที่เป็นผู้หญิงเก่ง แต่สังคมวันนี้ก้าวไปไกลแล้ว และเรื่องราวเหล่านี้ ใครจะเขียนได้ดีที่สุด ถ้าไม่ใช่นักเขียนหญิง

 

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ