หากพูดถึงวงการคอมพิวเตอร์ คงไม่มีใครไม่รู้จักเค้าคนนี้ “ไมเคิล ซอล เดลล์” บุคคลที่เสกสิ่งที่ชอบให้กลายเป็นเงินล้านได้ด้วยอายุเพียง 24 ปี เรียกได้เลยว่าเป็น CEO คนแรกของโลกเลยก็ว่าได้ที่มีพรสวรรค์อันบรรเจิดจนก้าวมาประสบความสำเร็จได้ด้วยอายุที่ยังน้อย อ่านจบกันแล้วอาจจะต้องทึ่ง และจะต้องร้องอึ้งกับความคิดอันสุดแหวกแนวที่หาไม่ได้จากใครที่ไหนได้อีก เพระเค้าคือ คนที่เกิดมาเพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ให้ก้าวล้ำไปอีกโลกนั่นเอง
The Hard Thing About Hard Things — ผู้เขียน Ben Horowitz
หนังสือ The Hard Thing About Hard Things หรือแปลเป็นไทยได้ว่า สิ่งที่ยากของสิ่งต่างๆที่ยาก เขียนโดย Ben Horowitz ผู้ร่วมก่อตั้งหนึ่งในบริษัทร่วมทุนที่มีชื่อเสียง Andreessen Horowitz หนังสือเล่มนี้แต่งแบบเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน โดยจะอธิบายถึงความยากลำบากต่างๆที่ผู้ก่อตั้งบริษัทจะต้องพบในการสร้างธุรกิจของตนเองให้ยิ่งใหญ่ได้ ทั้งนี้ธุรกิจจะไม่มีวันเติบโตเลยหากผู้ก่อตั้งไม่ผ่านการลองผิดลองถูกและการทุ่มเทให้กับการทำงานมาก่อน หนังสือมีคำแนะนำมากมายที่จำเป็นในการสร้างบริษัทอย่างมีระดับ การคิดอย่างผู้นำ การประเมินผลการทำงานและการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์
The Outsiders: Eight Unconventional CEOs and Their Radically Rational Blueprint for Success — ผู้เขียน William N. Thorndike
หนังสือเล่มนี้ ซึ่งเกี่ยวกับ CEO 8 คน ที่มีแนวความคิดที่แปลกใหม่ โดยใช้มุมมองของคนนอกมองเข้ามาในธุรกิจของตนเอง สามารถสร้างมูลค่าในบริษัทได้อย่างมากมาย
Business Adventures: Twelve Classic Tales from the World of Wall Street” โดย John Brooks
หนังสือเล่มนี้หลายท่านให้การยอมรับว่าเป็นหนังสือธุรกิจเล่มที่ดีที่สุด เป็นเครื่องเตือนใจว่า หลักการสร้างธุรกิจให้เป็นผู้ชนะไม่เคยเปลี่ยน
The Second Machine Age โดย Erik Brynjolfsson, Andrew McAfee
จริงๆ การเข้ามามีบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI รวมถึงหุ่นยนต์ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น เพราะมนุษย์นำ 2 เรื่องนี้เข้ามาอยู่ในการดำเนินธุรกิจโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเล่มนี้จะกล่าวถึงเรื่องข้างต้น พร้อมกับอธิบายการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเกี่ยวกับการนำหุ่นยนต์ และ AI เข้ามายกระดับในเรื่องต่างๆ รวมถึงการปรับตัวของมนุษย์ด้วย
Physics of the Future: How Science will Shape Human Destiny and Our Daily Lives by the Year 2100 เขียนโดย Michio Kaku
มนุษย์กำลังเปลี่ยนสถานะจากผู้สังเกตการณ์ธรรมชาติไปเป็นผู้ควบคุมธรรมชาติ โดยมีวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ เมื่อ "ความเป็นไปได้" จากห้องทดลองทั่วโลกดาหน้ากันมาท้าทายต่อมจินตนาการ ฟิสิกส์เพื่ออนาคต จึงเป็นหนังสือที่แสดงภาพสังคมโลกในอนาคตอย่างสมบูรณ์ โดยอ้างอิงจากความพร้อมของวิทยาการที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน
The Zero Marginal Cost Society: The Internet of Things, the Collaborative Commons, and the Eclipse of Capitalism เขียนโดย Jeremy Rifkin
The Zero Marginal Cost Society ถือเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ที่จะอธิบายถึงปรากฏการณ์ของ Sharing Economy ได้เป็นอย่างดี ครบถ้วนทั้งมุมมองในเชิงเหตุและผลลัพธ์ของ Sharing Economy พร้อมด้วยตัวอย่างที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นบนโลก โดยผู้เขียนมองว่า สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนสําคัญคือเทคโนโลยีที่เรียกว่า "อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง” หรือ Internet of Things (IoT) ที่ได้เชื่อมโยงทุกคนและทุกสิ่งบนโลกให้อยู่ในเครือข่ายที่สามารถ เข้าถึงกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงคน, เครื่องจักร, ทรัพยากร ธรรมชาติ, โครงข่ายการคมนาคมขนส่ง, พฤติกรรมการบริโภค และข้อมูลด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจและวิถีชีวิต ทางสังคม
ผู้เขียนมองว่า ในยุคนี้การเข้าถึงเครือข่ายข้อมูลเหล่านี้ สามารถเข้าถึงได้ด้วยต้นทุนอันแสนจะต่ําและผลิตได้ไม่จํากัด ทําให้สุดท้ายแล้ว กระบวนการดังกล่าวมีต้นทุนการผลิตหน่วย สุดท้ายหรือ Marginal Cost เป็น 0 ตามชื่อหนังสือเล่มนี้นั่นเอง ซึ่งจะนําไปสู่การปฏิวัติทางอุตสาหกรรมครั้งที่ 3