พระยาอนุมานราชมน ปราชญ์คนสำคัญแห่งสยามประเทศ เคยกล่าวเมื่อได้รับเชิญให้พูดถึงอนาคตของเมืองหลวงกรุงเทพมหานครในอีกหนึ่งศตวรรษหน้า ท่านยังไม่ทันได้รับปากอะไร ก็หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะให้พูดถึงเมืองหลวงอีกหนึ่งศตวรรษหน้าว่าโฉมหน้าควรเป็นอย่างไร คงต้องขอไปศึกษาเมืองหลวงของไทย หรือสยามประเทศดั้งเดิมของเราย้อนหลังไปสองศตวรรษ คงจะเป็นเรื่องหนักเอาการอยู่ ๕๕๕”
วงการหนังสือเราก็เช่นกัน คนที่จะมีวิสัยทัศน์มาอนาคตของอุตสาหกรรมของเราในทศวรรษหน้าได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ คงต้องมีภูมิหลังคลุกคลีกับตำนานของธุรกิจนี้ มาไม่น้อยกว่าห้าทศวรรษ ตามทัศนะของ บก.บัญชรเองค่ะ
ถามเจ้านายว่า เห็นว่าวงการหนังสือเบื้องหน้าจักเป็นอย่างไร เจ้านายก็เล่นภาษาประกิตให้ซอกแซกได้งวยงงได้เสมอ นางบอกว่า “ ต้องนิยาม Book Business ใหม่ให้เป็น Content Business ชัดเจนเสียก่อน” แถมนางยังบอกอีกว่า “จากนั้นก็ต้องมาทำความเข้าใจ ว่า Qualified Content สำหรับผู้บริโภคเป้าหมายให้แม่นยำแต่ละ Segment”
บก.บัญชรฟังแล้วแปลความแบบมวยไทยประมาณว่า เนื้อหาที่ดีและเหมาะแก่ผู้บริโภคแต่ละเพศแต่ละวัยนั้น สามารถบรรจุไปกับยานพาหนะที่มากกว่าหนึ่งประเภท หรือคือหนังสือกระดาษเพียงพาหนะเดียว และตลาดเนื้อหานั้นกว้างครอบคลุมกว่าตัวอักษร และเดินทางไปพบผู้บริโภคแต่ละเซกเมนต์เหนือพรมแดนแห่งประเทศใดประเทศหนึ่ง ส่วนจะทำอย่างไร ก็เป็นเรื่องขององค์ความรู้ ทักษะ และทีมเวิร์ดรวมถึงกองเชียร์ที่พร้อมและพูดจาเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันได้
การปรับตัวให้เท่าทันและล้ำหน้าโลกาภิวัฒน์ และการเปลี่ยนทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว โดยมีผู้นำและผู้ตามที่ส่งไม้ต่อเช่นการวิ่งผลัด 4x100 เมตร เป็นการงานที่ต้องอาศัยคณะที่เข้าใจปรัชญาพุทธเชิงปัจจัยการ และปฏิบัติต่อเนื่องกันด้วยขันติธรรมอย่างยิ่งนะคะ
คงสื่อต่อภาษาประกิตของเจ้านายได้ประมาณนี้ล่ะค่ะ ปวดกระบาลเหลือเกิน อยู่ใกล้ผู้นำโบราณ ก็เลยพลอยใช้ภาษาโบราณปนประกิต ประดักประเดิดเช่นนี้ ว่าแล้วบก.บัญชรขอเป็นไม้สุดท้ายของการวิ่งผลัดสี่คูณร้อย ละกัน เจ้านายขา เหอๆ