ตั้งแต่ปี 2004 นิตยสาร Forbes ได้มีการจัดอันดับ ผู้หญิงทรงอิทธิพล อันดับโลกไว้ 100 คนจากผู้หญิงทั่วโลก ในทุกสาขาอาชีพ เรื่องราวชีวิตของพวกเธอ เต็มไปด้วยความหลากหลาย และมีบทเรียนที่มีคุณค่ามาก เธอเหล่านี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเอาไว้ในหนังสือ หากคุณอยากได้แนวคิดใหม่ๆ และแรงบันดาลใจ ในสถานการณ์ที่รู้สึกแย่คุณควรลองอ่านหนังสือ 14 เล่มนี้
What Happened โดย Hillary Clinton
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2559 นางฮิลลารี คลินตัน เธอพ่ายแพ้ต่อนายทรัมป์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่เติบโตมากับการก่อสร้าง และธุรกิจบ่อนพนัน และไม่เคยผ่านงานรับใช้ชาติจากตำแหน่งเลือกตั้งใดๆ รวมทั้งไม่เคยรับราชการทั้งทหารหรือพลเรือนก็ตาม แต่เป็นดาราทีวี Reality Show ที่มีแต่ “ไล่คนออก” จากงานเท่านั้น
เธอเจ็บปวดมากหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนปีที่แล้ว และได้นั่งปลีกวิเวกทำใจอยู่ 2-3 เดือน ก่อนที่จะตัดสินใจเขียนหนังสือชื่อ What Happened เพื่อสังเคราะห์วิเคราะห์จากมุมมองของผู้พ่ายแพ้ว่า ทำไมจากที่คะแนนนำมาตลอด ตั้งแต่เริ่มหาเสียง จนชนะคู่แข่งในพรรค จนชนะการ Debate นำเสนอนโยบายและโต้คารมกับทรัมป์ถึง 3 ยก “อย่างไม่ต้องสงสัย”
เนื้อหาในหนังสือได้ยอมรับว่า เธอต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงครั้งนี้ ซึ่งมีหลายสิ่งที่เธอเป็นผู้ได้ก่อเอาไว้ก่อน จนทำให้เสียคะแนน
____________________________
It Takes a Village: Picture Book โดย Hillary Clinton
ฮิลลารี คลินตัน อดีตผู้ท้าชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ทำหนังสือภาพเล่มนี้ขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือขายดีชื่อว่า It Takes a Village ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ผู้คนในหมู่บ้านที่มีความคิด ที่แตกต่างกัน สามารถร่วมกันทำให้หมู่บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ มีความสุขและดียิ่งขึ้น หนังสือเล่มนี้สะท้อนเรื่องราวทั้งในวัยเด็กและผู้ใหญ่ เป็นหนังสือที่สามารถอ่านได้ทุกวัย เพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่านทุกคนร่วมมือกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกได้
____________________________
Hard Choices โดย Hillary Clinton
Hard Choices โดย Hillary Rodham Clinton ผลงานของสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา หนังสือเล่มหนานี้ เล่าเรื่องราวตลอดช่วง 4 ปีที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา และทั้งสองคนได้ประสานมือประสานใจสร้าง “ความเปลี่ยนแปลง” มากมายหลายอย่างบนโลกใบนี้ ฮิลลารี เล่าถึงเบื้องหลังการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ซึ่งมีผลมากต่อทั้งโลก รวมถึงประเทศไทยและเอเชีย ที่เราน่าจะรับรู้ก็คือ เธอเป็นคนคิดนโยบายให้มาปักหมุดในเอเชีย และย้ำว่าสหรัฐต้องให้ความสำคัญแก่เอเชีย ซึ่งจะทำให้หนังสือเล่มนี้ สะท้อนถึงแนวคิดของฮิลลารีต่อเอเชียได้เป็นอย่างดี
____________________________
The Fabulous Decade: Macroeconomic Lessons from the 1990s โดย Janet Yellen
นางเยลเลน ผู้นำสตรีแห่งโลกการเงิน เธอกลายเป็นประธานธนาคารกลางคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา (เฟด) หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ 100 ปี ขององค์กร หลังจากเธอทำงานอยู่ในคณะกรรมการบริหารเฟดมานานกว่า 14 ปี จนประธานาธิบดีบารัก โอบามา เสนอชื่อเธอให้เป็นประธานเฟดคนใหม่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมปี 2013 และได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาให้เธอดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นเวลา 4 ปี
เธอเคยเขียนหนังสือ ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ ในปี 1990 ไว้ในหนังสือ The Fabulous Decade: Macroeconomic Lessons from the 1990s ทั้งอัตราการว่างงาน ภาวะเงินเฟ้อ และบทวิเคราะห์ว่าเราจะสามารถเรียนรู้และหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร
____________________________
Option B: Facing Adversity, Building Resilience, and Finding Joy โดย Sheryl Sandberg
ถ้าจะพูดถึงผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในวงการเทคโนโลยี เชื่อว่าชื่อของ Sheryl Sandberg จะต้องมาเป็นอันดับต้นๆ จากผลงานที่ทำให้กับ Facebook ในตำแหน่ง COO (Chief Operating Officer) แต่ในตอนนี้ เราไม่ได้พูดถึงเชอร์ริลในฐานะผู้บริหาร แต่เรากำลังพูดถึงเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องก้าวผ่านเรื่องร้ายๆ
หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “Option B : Facing Adversity, Building Resilience and Finding Joy” บอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวและสิ่งที่เธอเรียนรู้หลังจาก David Goldberg ผู้เป็นสามีเสียชีวิตแบบกะทันหัน เมื่อ 2 ปีก่อน ในขณะที่กำลังพักร้อนที่ประเทศเม็กซิโก
หนังสือเล่มนี้พูดถึงการเยียวยาตัวเองหลังผ่านเรื่องร้ายๆ การกลับมายืนให้มั่นคง และการต่อสู้เพื่อคนที่ยังอยู่ ซึ่งในกรณีของเชอร์ริลก็คือลูกๆ ที่เคยมีพ่ออยู่เคียงข้างเสมอ
การเสียชีวิตของสามี ทำให้เธอต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ในคนเดียวกัน ในขณะที่งานของ Facebook ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป พูดง่ายๆ คือต้องตั้งหลักให้เร็วเพื่อที่ลูกจะได้ไม่รู้สึกขาด โดยเรื่องงานก็จะต้องไม่เสียหาย
นี่คือบทเรียนที่มีค่า โดยเฉพาะเมื่อได้ดูตัวอย่างจริงๆ จากคนที่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งมุมมองของนักวิชาการด้วย เพราะหนังสือเล่มนี้เชอร์ริลเขียนร่วมกับ Adam Grant ผู้เชี่ยวชาญด้าน Management ซึ่งใช้กรณีศึกษานี้ในงานวิจัยทางวิชาการด้วย
Option B จึงเป็นความพยายามของผู้เขียนทั้งคู่ ในการแชร์สิ่งที่ตัวเองได้ค้นพบ โดยมีมุมมองจากนักจิตวิทยาเข้ามาประกอบ เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้จะเผยให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันกล้าแกร่งของมนุษย์ที่ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอด แต่ยังรวมถึงการพาตัวเองมาพบความสุขอีกครั้ง
เหตุที่ชีต้าห์หยิบมาพูดถึง แม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวกับธุรกิจสักเท่าไร แต่เพราะมันคือการเรียนรู้วิธีรับมือกับปัญหาที่ใครๆ ก็ต้องเจอ ยิ่งกลับมายืนได้เร็วเท่าไร ชีวิตของเราจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างสวยงามขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำไปใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กหรือใหญ่ ทั้งปัญหาส่วนตัวและปัญหาในการทำงาน
____________________________
Lean In: Lean In for Graduates: With New Chapters by Experts, Including Find Your First Job, Negotiate Your Salary, and Own Who You Are โดย Sheryl Sandberg
เขียนจดหมายถึงผู้สำเร็จการศึกษาจาก Sandberg เสนอคำแนะนำ เกี่ยวกับการเริ่มต้นสมัครงานในที่แรก การเขียน resume การสัมภาษณ์งานที่ดีที่สุด การเจรจาต่อรองเงินเดือนของคุณ และการฟังเสียงภายในจิตใจของคุณว่าคุณต้องการอะไร
____________________________
Lean In: Women, Work, and the Will to Lead โดย Sheryl Sandberg
สำหรับเนื้อหาปลีกย่อยของหนังสือ LEAN IN นั้นมีรายละเอียดยุบยับเลยทีเดียว... ผู้เขียนขอสรุปคร่าว ๆ ว่ามันเป็นหนังสือที่พูดถึงบทบาทของสตรีกับอาชีพการงาน และการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวกับชีวิตการทำงาน ซึ่งตามวิถีปฏิบัติเดิม ๆ เมื่อผู้หญิงมีครอบครัวแล้ว พวกเธอก็ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตบนทางเลือกระหว่าง ‘lean in (สู้)’ หรือ‘lean back (ถอย)’ ซึ่งสาว ๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกทางเลือกอย่างหลัง ยอมละทิ้งความฝันเพื่ออุทิศตนให้กับการดูแลลูก ๆ และครอบครัว ในขณะที่ working woman อย่างเชอรีลนั้นได้กระตุ้นให้ผู้หญิงฮึดสู้ ไม่ยอมละทิ้งความฝันง่าย ๆ และให้ปรับทัศนคติหันมาคิดบวก ไม่ปฏิเสธโอกาสทางการงาน อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญก็คือ เชอรีลพูดถึง “การเปิดอกพูดคุย” ทั้งในชีวิตคู่และในที่ทำงานเพื่อสร้างความเข้าใจและสร้างความเปลี่ยนแปลง (เผชิญหน้ากับปัญหา ไม่ใช่เก็บงำปัญหา) และสิ่งสำคัญก็คือการร่วมไม้ร่วมมือกันของสตรีเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และมุ่งสู่สังคมแห่งความเท่าเทียม (แต่กระนั้นก็มีผู้หญิงด้วยกันเองแสดงความเห็นโต้แย้งหนังสือ LEAN IN ของเชอรีลมากพอสมควร บ้างก็ว่าเธออยู่ในจุดที่พรั่งพร้อมจึงสามารถทำแบบนี้ได้ บ้างแย้งว่าชีวิตจริงของผู้หญิงเก่งที่กระหายความสำเร็จมักจะเก็บงำปัญหาครอบครัวเอาไว้ ลูก ๆ โตมาไม่ได้รับความอบอุ่นเท่าที่ควร และบ้างก็โต้เถียงในประเด็นเกี่ยวกับเฟมินิสต์ ก็ว่ากันไป เอาเป็นว่าเพื่อน ๆ ท่านใดที่สนใจ กรุณาไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านเพิ่มเติมกันเอาเองละกันจ้า)
____________________________
The Power of Many: Values for Success in Business and in Life โดย Meg Whitman
Meg Whitman ซีอีโอคนปัจจุบันของ HP ซึ่งดูแลในส่วนของ Hewlett-Packard Enterprise ที่เจาะตลาดองค์กร ส่วน HP Inc. ที่ขายพีซีและเครื่องพิมพ์ หนังสือ The Power of Many: Values for Success in Business and in Life เธอพูดถึงคุณค่าสิบประการ ที่นำพาตัวเธอ และคัดเลือกผู้นำที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้
____________________________
Social Protection Floor for a Fair and Inclusive Globalization: Report of the Advisory Group โดย Michelle Bachelet
มิเชล บาเชเลต์ (Michelle Bachelet) ประธานาธิบดีหญิงคนแรกและคนเดียวของชิลี
หนังสือเล่มนี้มีพูดถึงการพัฒนาในกระแสสังคมโลก การพยายามในการเสริมสร้าง ความเข้มแข็งในระบบเศรษฐกิจและสังคม และการพัฒนาทางสังคม โดยได้ให้ความสําคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่ประชาชน กลุ่มและชุมชนต่าง ๆ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การแก้ไขปัญหาความยากจน การพัฒนาอย่างยั่งยืน
____________________________
The Wisdom of Sundays โดย Oprah Winfrey
เป็นขั้นตอนการเดินทางด้วยจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพใน ของโอปราห์และนำเสนอเรื่องราวส่วนตัวของเธอในช่วงเวลาแห่งแรงบันดาลใจ เมื่อเธอได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วโลก และได้รับรางวัล Emmy Award เธอกล่าวว่า "ถ้าคุณต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และใช้ชีวิตด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางของคุณ"
____________________________
What I Know For Sure โดย Oprah Winfrey
สิ่งที่ฉันแน่ใจ (What I Know For Sure) หนังสือที่รวบรวมจากบทความในนิตยสาร The Oprah Magazine โดย โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดัง
ตอนอยู่เกรดสาม ฉันได้เรียนรู้กฎทองข้อหนึ่ง "จงปฎิบัติต่อผู้อื่นแบบเดียวกับที่เราอยากให้ผู้อื่นปฎิบัติต่อเรา " ฉันรักถ้อยคำพวกนี้ และเขียนมันลงทุกสิ่ง พกพาติดตัวไปไหนมาไหนในกระเป๋าใส่หนังสือ.
“ขณะที่คุณอ่านบทเรียนชีวิตทั้งหมดทั้งปวงที่ฉันพยายามผ่านพ้น ร้องไห้ไปกับมัน พยายามวิ่งหนี แล้วก็วิ่งวนกลับมาหามัน สงบศึก แล้วหัวเราะไปกับมัน และท้ายสุดได้รู้แน่อย่างไรข้อกังขา ฉันหวังว่าคุณคงจะเริ่มตั้งคำถามเดียวกับที่จีน ซิสเกิล ถามฉันเมื่อหลายปีก่อนฉันรู้ว่าสิ่งที่คนจะได้ค้นพบระหว่างทางของการค้นหาคำตอบจะเป็นอะไรที่เยี่ยมยอด เพราะสิ่งที่คุณค้นพบก็คือตัวคุณเองค่ะ”
____________________________
My Own Words โดย U.S. Supreme Court Justices, Ruth Bader Ginsburg
หนังสือเล่มแรกจาก Ruth Bader Ginsburg ตั้งแต่เริ่มเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาในปี พ. ศ. 2536 งานเขียนและการกล่าวสุนทรพจน์จากผู้หญิงที่มีอิทธิพลและมีอิทธิพลต่อกฎหมายสิทธิสตรีและวัฒนธรรมร่วมสมัย
____________________________
Letters from Burma โดย Aung San Suu Kyi
ออง ซาน ซู จี เขียน “จดหมายจากพม่า” เป็นตอนๆ ส่งไปตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มาอินิชิ (Mainichi Shimbun) ที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 1995 หลังรัฐบาลเผด็จการปล่อยตัวเธอจากการกักบริเวณ ณ บ้านพักริมทะเลสาบอินยา บนถนนมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง (University Avenue) ในปี 1989 เรื่อยมา
“จดหมายจากพม่า” แบ่งออกเป็น 52 บท ซู จี บอกเล่าเรื่องราวในชีวิตของเธอแบบครบรส เรียกได้ว่า “จดหมายจากพม่า” เป็นหนังสือเพียงเล่มเดียวที่เปลือยความคิดจิตใจและสามัญสำนึกของซู จีออกมาอย่างสวยงามหมดจดในฐานะมนุษย์ปุถุชน มิใช่ในฐานะวีรสตรีหรือเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้แบกชะตากรรมของประชาชนพม่าทั้งประเทศไว้
ในการเขียนหนังสือเล่มนี้ เธอเขียนขึ้นด้วยความเต็มใจ มิได้รู้สึกถูกกดดันจากนักข่าว เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ของการเป็นนักโทษการเมือง พัฒนาการของการเมืองพม่าสมัยใหม่ รวมทั้งสดุดีวีรกรรมของนายพล ออง ซาน บิดาของเธอ และอีกหลายเรื่องราว
____________________________
A Problem from Hell : America and the Age of Genocide โดย Samantha Power
Samantha Power เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรของสหรัฐอเมริกา ประจำ UN เธอลาออกจากตำแหน่งอาจารย์ มาช่วยบารั๕ โอบาม่า เธอพบกับโอบามาในปี 2005 โดยท่านประธานาธิบดีที่เป็นเพียงวุฒิสมาชิกในขณะนั้น อ่านหนังสือที่ได้รางวัลพิวลิตเซอร์ของเธอ (A. Problem From Hell : American and the Age of Genocide ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามคอซอวอ ) จบแล้วก็โทร.ไปชวนเธอมาร่วมงานด้วย เธอบอกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงตอบโอเค แล้วก็ลาออก จากงานรายได้สูงในฐานะอาจารย์ไปทำงานแบบไม่มีเงินเดือนกับบารัค โอบามา โดยใช้เวลาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
แหล่งอ้างอิง
http://read.bi/2hNdzWa
http://www.cheetahmarketing.in.th
http://www.hiclasssociety.com/?p=44455
https://mgronline.com/daily/detail/9600000096577
https://www.facebook.com/IDIOM.SLANG
https://www.the101.world/thoughts/read-aung-san-suu-kyi