มั่วเหยียน นักเขียนโนเบล : ร่าย...ตำนานรักทุ่งสีเพลิง ผสาน ลำนำกระเทียม

มั่วเหยียน นักเขียนโนเบล

มั่วเหยียน (Mo Yan) คือ นามปากกาของ ก่วน หมัวเยี่ย (Guan Moye) นักเขียนสัญชาติจีนคนแรก ชาวมณฑลชานตงที่ก้าวขึ้นมาบนเวทีนักเขียนอย่างสง่างาม... การันตีคุณภาพด้วยรางวัลระดับโลก อย่างรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม เมื่อปี 2012 นับว่าเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากทั้งในจีนและต่างประเทศ ผลงานของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย ล่าสุดสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ได้ลิขสิทธิ์ตีพิมพ์ฉบับภาษาไทย ในชื่อ “ตำนานรักทุ่งสีเพลิง”และ“ลำนำกระเทียม"

 

มั่วเหยียน นักเขียนโนเบล

 

รศ.ดร.ตรีศิลป์ บุญขจร ผู้อำนวยการศูนย์วรรณคดีศึกษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความกระหายใคร่รู้ของนักอ่านที่มีต่อความสามารถทางวรรณศิลป์ของนักเขียนจีนคนนี้ไว้ว่า “มั่วเหยียน เป็นนามปากกา มีความหมายว่า “อย่าพูด” หรือ “ห้ามพูด” ฉะนั้นเขาจะเขียนในสิ่งที่ห้ามพูดทั้งหมด ซึ่งจะสัมพันธ์กับเรื่องราวทั้งเนื้อหาและลีลาทางวรรณศิลป์ในผลงานของเขาทุกเรื่อง หากนักเขียนได้ลองอ่านสักครั้งก็จะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในตัวของเขาคนนี้”

อ.ตรีศิลป์ บอกต่อว่า นักเขียนคนนี้ จะไม่ยอมลดความยาวของนวนิยาย จะเขียนยาวๆ แบบนี้ต่อไป ซึ่งผู้เขียนนวนิยายขนาดยาว ต้องเป็นคนที่มีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่เหมือนกำแพงเมืองจีน ซึ่งไม่ใช่แค่เพิ่มเรื่องราวและตัวอักษรเท่านั้น หากแต่เป็นอุดมการณ์ภายในใจ สร้างสรรค์ทางศิลปะที่ยิ่งใหญ่ จะว่าไป ช่างศิลป์ผู้สร้างสวนป่าเจียงหนานที่มีเก๋งจีนหลังน้อยอยู่บนภูเขาเทียม คงไม่สามารถคุมงานสร้างพระราชวังต้องห้าม พีระมิด หรือกำแพงเมืองจีนได้

ตำนานรักทุ่งสีเพลิง (Red Sorghum) ถูกขนานนามว่าเป็นนวนิยายที่ทรงพลังดีที่สุดของเขา เป็นตัวแทนคนจีนที่สร้างสรรค์หนังสือให้โลกตะวันตกรู้จัก "จางอี้โหมว" เข้าสู่วงการภาพยนตร์สากลได้อย่างสง่างาม โดยการกำกับนวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก โลกได้รู้จักทั้งผู้กำกับฝีมือเยี่ยม นักเขียนที่ยิ่งใหญ่ในคราวเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ต้องเป็นวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้วในสังคมจีน แต่ภาพยนตร์กับหนังสือไม่เหมือนกัน

ฉบับหนังสือเป็นนิยายรักของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกคลุมถุงชน แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นโรคเรื้อน เจ้าของโรงเหล้าที่มีอายุเยอะ ซึ่ง"มั่วเหยียน" เขียนให้หญิงคนนี้มีใจเด็ดเดี่ยวและเลือกชีวิตของตัวเอง หาหนทางสู่อิสรภาพ ไม่อยู่ในขนบที่หญิงจีนควรจะเป็น นี่คือเรื่องราวอันเข้มข้นตรึงใจผสมผสานความรักความแค้นที่สุมทรวงจิตวิญญาณอันเข้มแข็ง และการดิ้นรนเอาชีวิตรอดในยุคสงคราม

“มั่วเหยียนไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตะลึงด้วยการเล่าเรื่องอย่างเข้มข้นเขย่าอารมณ์ทรงพลังเท่านั้น หากเป็นเรื่องเล่าที่มีทั้งความรื่นรมย์คละเคล้ากับความสยดสยอง อย่างเช่น มีการพูดถึงการทำโทษคนจีนด้วยการถลกหนังศีรษะ ซึ่งฉากนี้มั่วเหยียนพรรณนาได้อย่างขนลุก ใช้ภาษาที่รุ่มรวยด้วยภาพพจน์และบรรยากาศเรื่องที่ซึมซับจิตวิญญาณของความเป็นจีนอย่างมีสีสัน โดดเด่น”

พอรู้จักกันแล้ว มาจอดป้ายที่นวนิยายอีกเล่มที่โลกต้องจารึก ลำนำกระเทียม (The Garlic Ballads) ผลงานเล่มนี้ เคยถูกแบนในจีนอยู่ช่วงหนึ่ง เนื่องจากมีเนื้อเรื่องพาดพิงเรื่องจริงเกิดขึ้น ณ อำเภอเทียนถังของจีน ชาวไร่ปลูกกระเทียมอันเป็นผลผลิตมีชื่อมากว่าร้อยปี พวกเขาอยู่กับกระเทียมมาทั้งชีวิต กระเทียมเป็นทั้งความฝัน ความหวัง และกลายเป็นภาระมหาศาลที่ไม่อาจปลดเปลื้องได้ ทว่าเมื่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์คดโกงทอดทิ้งพวกเขา นำไปสู่สภาวะกระเทียมล้นตลาดจนเน่าเสีย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ชาวบ้านจึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ปกป้องสิทธิ์ของตน

นับเป็นนวนิยายแนวประวัติศาสตร์แบบมหากาพย์ เป็นมหากาพย์ของคนตัวเล็กที่ต่อสู้กับอำนาจรัฐและประเพณีอันล้าหลังที่ยังฝังรากลึกในสังคมใช้วิธีการเขียนแบบ “ลำนำ”! เอกลักษณ์อันโดดเด่นของมั่วเหยียนอีกอย่างคือ การพรรณนาตัวละครแนวสมจริงอย่างหลอน จนเนื้อหาทุกตอนพึลึกพิลั่นยากจะคาดเดา รสทางอารมณ์ที่หลากหลาย บีบคั้นและสะเทือนใจ มีทั้งน้ำเสียงเสียดสี เยาะเย้ย ขันขื่น และตลกร้าย ที่มีความเป็นจีนอยู่ทุกอณู

ผลงานของนักเขียนจีน เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในประเทศจีน แต่มั่วเหยียนเขียนไว้อย่างเป็นสากล คนทั่วโลกอ่านได้เพราะมีความเป็นมนุษย์ ที่มีเลือดเนื้อที่ต้องต่อสู้เพื่ออิสรภาพ อยู่ในจิตวิญญาณของตัวละครทุกตัวของเขา สมกับการถูกขนานนามว่าเป็นนวนิยายขนาดยาวชั้นดีรางวัลโนเบลอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้แม้ว่ามั่วเหยียนจะเข้าสู่พรรคคอมมิวนิสต์ไปแล้ว แต่ยังคงยืนหยัดจะเขียนในสิ่งที่ห้ามพูดต่อไป นักอ่านมากมายนิยมชมชอบนวนิยายแสนสนุกสองเล่มนี้ ที่เกือบทุกคนอ่านจบแล้ว ต้องแอบปาดน้ำตา... แล้วคุณล่ะ พร้อมจะร้องไห้หรือยัง?

 

ขอบคุณที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20141109/195539.html

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ