ผู้มาก่อนกาล : 26 หนังสือนิยายไซไฟ ที่ต้องอ่านสักเล่มก่อนตาย

ผู้มาก่อนกาล

     นวนิยายวิทยาศาสตร์ นอกจากอาศัยจินตนาการของผู้เขียนแล้ว ยังมีหลักการวิทยศาสตร์ เทคโนโลยี ความลี้ลับ เข้ามาเกี่ยวข้องในเนื้อเรื่องอีกด้วย ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีอยู่จริง แน่นอนว่างานเขียนบางเรื่องนักเขียนจินตนาการขึ้นมาในอดีต แล้วเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน หรืออนาคต เช่น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ภัยพิบัติ รวมถึงโรคระบาด

     นวนิยาย Sci - Fi ที่ได้รับการยกย่อง ควรค่าแกการอ่านมีอยู่หลายเล่ม มีเล่มไหนบ้างลองไปดูกันค่ะ

 

แนะนำนิยายวิทยาศาสตร์

 

The Time Machine เขียนโดย H. G. Wells

     คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงหากจะบอกว่า เอช. จี. เวลส์ คือ นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ในตำนานคนหนึ่ง โดยชื่อชั้นเทียบเคียงกับ จูล เวิร์น (Jules Verne) ผลงานของเขาเป็นที่กล่าวกันเป็นวงกว้าง เช่น เดอะ ไทม์ แมชชีน หรือ The War of the Worlds ซึ่งทั้งสองเรื่องยังถูกถ่ายทอดออกเป็นภาพยนตร์ เหตุผลสำคัญก็คือ เวลส์มักสอดแทรกความหวาดกลัวซึ่งหลอกหลอนผู้คน ผ่านวรรณกรรมที่เขาสรรค์สร้าง

     เดอะ ไทม์ แมชชีน คือบทสรุปที่เวลส์ขมวดออกมาในภาพของโลกอนาคตซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย คำบอกเล่าของนักเดินทางไร้ชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้พานพบ มักทำให้ผู้ฟังรู้สึกสั่นสะท้านไม่มากก็น้อย

นี่คือนิยายวิทยาศาสตร์ที่ทะลุเพดานความล้ำสมัยตระการตาเพียงด้านเดียว เพราะมันได้สะท้อนมิติความสัมพันธ์ทางสังคมได้อย่างมีชั้นเชิง ทำให้เกิดคำถามต่อความเป็นมนุษย์และภาวะสังคมที่ผู้คนเผชิญหน้า และ...นี่คือ 'ต้นกำเนิด' ของนิยายที่มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับ 'การเดินทางข้ามเวลา' ซึ่งนักเขียนรุ่นหลังได้ยกย่องและกล่าวขวัญจวบจนปัจจุบัน

 

The Hitchhiker's Guide to the Galaxy โดย Douglas Adams

     เรื่องเริ่มต้นจาก Arthur Dent กำลังจะถูกรื้อบ้านเพื่อเวรคืนไปทำทางด่วน และพบว่าในอีกไม่กี่นาทีต่อมา โลกได้ถูกทำลายทิ้งเพราะสหพันธ์แห่งจักรวาลกำลังจะทำทางด่วนตัดผ่านโลกเช่นกัน โชคดีที่เขาได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อน (Ford Perfect) ซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาอาศัยอยู่บนโลกเพราะหายานกลับดาวตัวเองไม่ได้ ทั้งคู่ได้แอบขึ้นยานอวกาศและรอดชีวิตจากการที่โลกถูกทำลายไปได้

 

Dune เขียนโดย Frank Herbert

     ดูน (Dune) เป็นนิยายวิทยาศาสตร์โดยแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1965 จำหน่ายได้มากกว่า 12 ล้านเล่มทั่วโลก ได้รับรางวัลเนบิวลาประจำปี ค.ศ. 1965 มีเนื้อหาเกี่ยวกับโลกอนาคต กล่าวถึงการดำรงอยู่ของมนุษย์ วิวัฒนาการ สังคมวิทยา นิเวศวิทยา โดยอ้างอิงถึงเรื่องศาสนา การเมือง และอำนาจ ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสองวรรณกรรมวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดในโลก เทียบเท่ากับ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน  (จากการสำรวจเมื่อปี 1975)

 

Ready Player One เขียนโดย Ernest Cline

     กติกา : หากุญแจให้ครบ 3 ดอก ไขปริศนาทั้ง 3 ด่าน แล้วคุณจะได้ครองโลก! ปี 2044 โลกเสื่อมโทรมจนกลายเป็นนรกบนดิน ผู้คนต้องขังตัวในที่แคบ ๆ และหนีไปใช้ชีวิตใน "โอเอซิส" มันคือโลกเสมือนจริงที่ดัดแปลงมาจากเกมออนไลน์ ทุกคนใช้ชีวิตในนั้นอย่างมีความสุข แต่เมื่อ "ผู้สร้าง" ประกาศจะยกโอเอซิสให้กับผู้ชนะในเกมสุดท้ายที่เขาสร้างไว้ ความสงบสุขก็มลายหายไปทันที!

"เวด วัตต์ส" เด็กเนิร์ด วัย 18 ลงแข่งพร้อมกับคนนับพันล้านจากทั่วโลก เพื่อแย่งชิงโอเอซิสที่มีมูลค่ามหาศาล ความหมกมุ่นสุดขีดช่วยให้เขาเป็นต่อในเกมที่ต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับยุค 80 จนในที่สุดเขาก็พิชิตกุญแจดอกแรกมาได้...แต่แล้วบ้านของเขาก็ถูกระเบิดเป็นจุณ! จากเกมในโลกเสมือน...ลุกลามสู่มหาสงครามในโลกจริง เวดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะเกมนี้ให้ได้ เพราะกติกาที่ไม่ได้กำหนดไว้คือ...แพ้เท่ากับ "ตาย" สถานเดียว!

 

The Martian เขียนโดย Andy Weir

     "ผมติดอยู่บนดาวอังคารเพียงลำพัง" ...นาซาสั่งยกเลิกภารกิจสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร หลังจากพายุทรายลูกมหึมาพัดถล่ม นักบินอวกาศคนหนึ่งกลับหายสาบสูญไประหว่างการอพยพ ทุกคนบนโลกคิดว่านักบินคนนั้นตายไปแล้ว แต่เขายังมีชีวิตอยู่และเขาคนนั้นก็คือ...ผมเอง ถึงผมจะยังไม่ตาย แต่ก็เหมือนตกอยู่ในนรกทั้งเป็น ระบบสื่อสารถูกตัดขาด ไม่มีทางติดต่อกับโลก ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ ผมไม่รู้ว่าจะรอดไปได้อีกสักกี่วัน ถ้าเครื่องผลิตออกซิเจนเสีย ผมจะขาดอากาศหายใจ ถ้าเครื่องกรองน้ำทรยศ ผมจะช็อกตายเพราะขาดน้ำ ถ้ายานมีรอยรั่วแม้แต่จุดเดียว ร่างของผมคงระเบิดเป็นเสี่ยง หรือต่อให้สิ่งที่พูดมาทั้งหมดไม่เกิดขึ้น ผมก็ต้องอดอาหารตายอยู่ดี เว้นเสียแต่ว่า...ผมจะหาทางติดต่อโลกให้ได้ และใช้ไหวพริบทั้งหมดที่มีเอาตัวรอด จนกว่าความช่วยเหลือที่อยู่ห่างออกไป 140 ล้านไมล์จะมาถึง!

 

1984 เขียนโดย George Orwell

     หนังสือ "หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ = 1984" เล่มนี้ นำเสนอให้เห็นถึงสิ่งที่สังคมจะต้องยอมแลก เพื่อให้ได้มาซึ่ง "ความเชื่อที่เสมอภาคกัน" ผ่าน "กระบวนการโฆษณาชวนเชื่อ" ที่ถูกวางโครงเรื่องและรูปแบบเอาไว้อย่างแยบยลโดย "ผู้ชี้นำ" ของแต่ละยุคแต่ละสมัย...ซึ่งก็จะเป็นเพียง "ความเสมอภาค" ในระดับของ "ความเชื่อ" และ "การรับรู้" ไม่ใช่โดยภววิสัยที่เป็นจริง

 

Frankenstein เขียนโดย Mary Shelley

     วรรณกรรมสยองขวัญคลาสสิกที่ได้รับความนิยมมากว่าศตวรรษ ประกายความคิดเรื่อง แฟรงเกนสไตน์ ผุดวาบขึ้นในคืนฝันร้ายของแมรี่ ในฤดูร้อนปี 1816 ขณะกำลังพักอยู่กับสามีและลอร์ดไบรอน กวียุคโรแมนติคผู้อื้อฉาว บนชายฝั่งทะเลสาบเจนีวา โดยก่อนหน้านี้ ลอร์ด ไบรอนได้ชักชวนพวกเขาแต่ง เรื่องผี มาประชันกัน หลังจากนั้นสามีของเธอก็ยุให้เธอขยายเรื่องราวต่อให้สมบูรณ์ และแล้ว แฟรงเกนสไตน์ ก็อุบัติขั้นเป็นครั้งแรกในบรรณพิภพในปี 1818

     แมรี่ เชลลีย์ เขียนนวนิยายเรื่องนี้ขณะที่มีอายุเพียง 20 ปี เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ความรู้และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มากนัก แต่เธอสามารถเขียนเรื่องเกี่ยวกับการสร้างมนุษย์ขึ้นมาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์  จึงต้องถือว่าเธอมีจินตนาการและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่ล้ำยุคมากทีเดียว  วิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ นักศึกษาแพทย์หนุ่ม ได้ทำการค้นคว้าจนพบวิธีสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่  โดยได้นำชิ้นส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์มาประกอบเข้าด้วยกัน และชุบชีวิตขึ้นมาจนทำสำเร็จ  แต่สุดท้ายแฟรงเกน กลับหวาดกลัวผลงานของตัวเอง ซึ่งโหดเหี้ยม มีพละกำลังเกินมนุษย์ และไม่สามารถควบคุมได้  เดิมทีเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เขาสร้างขึ้นมามิไม่ได้เลวร้ายมาตั้งแต่เริ่มแรก  แต่เพราะความโดดเดี่ยว ถูกรังเกียจ และถูกทำร้ายจากน้ำมือของมนุษย์ จึงทำให้เขาเป็นไปดังนั้น ซึ่งแมรี่ เชลลี่ย์ ได้บรรยายได้อย่างลึกซึ้งมาก  รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครต่าง ๆ และกลวิธีการดำเนินเรื่องที่น่าสนใจ  จนต้องยอมรับว่าเธอเป็นนักเขียนที่มีความสามารถเกินวัย  และทำให้แฟรงเกนสไตน์เป็นนวนิยายที่มีชื่อเสียง และคงความเป็นอมตะมาจนถึงปัจจุบัน   นวนิยายเรื่องนี้จึงเป็น ‘ตำนานสยองขวัญ’ ที่เกิดจากความผิดพลาดของ ‘วิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์’ นายแพทย์หนุ่มซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้จนวาระสุดท้ายชีวิตของเขาเอง

 

Brave New World เขียนโดย Aldous Huxley

     อัลดัส ฮักซ์ลีย์ (Aldous Huxlet) เสนอแนวคิดการเมืองการปกครองใหม่ในแบบรัฐโลก โดยผนวกรวมทุกประเทศเป็นรัฐเดียว แบ่งการปกครองเป็นสิบเขต มุ่งสร้างสรรค์ความเจริญ ความอยู่ดีกินดีแก่ประชาชน อาคารบ้านเรือนสวยงาม ทันสมัย พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ไม่มีใครแก่เฒ่า ต่างมีชีวิตอยู่ในสังคมที่สุขสบายอย่างแท้จริง ดุจดังโลกอุดมคติตามความเชื่อเรื่อง พระศรีย์อาริย์ ในพุทธศาสนา และในวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง ยูโทเปีย (Utopia) ของ เซอร์โธมัส มอร์ ทว่า Brave New World ท้าทายยิ่งกว่า ด้วยแนวคิดการแทรกแซงธรรมชาติอย่างสุดขั้ว โดยจัดระเบียบมนุษย์ในหลอดแก้วเพื่อจำแนกพันธุ์มนุษย์ออกเป็นกลุ่ม

 

2001: A Space Odyssey เขียนโดย Arthur C. Clarke

      มนุษย์มิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล ยังมีสิ่งมีชีวิตชาญฉลาดจาดวงดาวไกลลิบ ที่เป็นผู้จุดประกายให้กับภูมิปัญญาของมนุษย์วานร จนกระทั่งสามารถผลักดันชาติพันธุ์ของตนขึ้นมาเป็นมนุษย์ และเริ่มแพร่กระจายออกสู่จักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล

 

Parable of the Sower เขียนโดย Octavia E. Butler

     ลอสแอนเจลิส ปี 2024 ภาวะโลกร้อนต่อเนื่องทำให้เกิดวิกฤติภัยแล้ง ความเหลื่อมล้ำทางสังคมนำไปสู่ความเกลียดชังทางเชื้อชาติและสีผิว น้ำมีค่าราวทองคำ ฆาตกรรมคือเรื่องปกติ และความยุติธรรมซื้อได้ด้วยเงิน

     ลอเรน โอย่า โอลามิน่า เด็กสาวผิวดำอาศัยอยู่กับครอบครัวภายในชุมชนที่ผู้คนรวมตัวกันสร้างกำแพงป้องกันบ้านเรือนจากบรรดาโจรและคนไร้บ้านที่พร้อมบุกปล้นฉุดคร่า ชิงทรัพย์ ท่ามกลางโลกที่กำลังล่มสลาย ลอเรนได้เริ่มเขียนบันทึก “คัมภีร์ของผู้ที่ยังมีชีวิต” โดยหวังว่าบันทึกซึ่งเขียนกลางเถ้าถ่านสักวันจะนำไปสู่จุดหมายในการหยั่งรากลงกลางหมู่ดาว

 

The Man Who Fell to Earth เขียนโดย Walter Tevis

     บุรุษผู้มาจากต่างดาว ไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ที่โลดโผน เกินจริงมากนัก แต่กลับเป็น นิยายวิทยาศาสตร์ที่แอบแฝงไว้ด้วยปรัชญาชีวิต แห่งการอยู่รอดในสังคมอีกรูปหนึ่ง แสดงความรู้สึกปวดร้าวของผู้พลัดถิ่นจากแดนไกล ชายหนุ่มผู้มาจากดวงดาวอีกสุริยจักรวาลหนึ่ง เขาเดินทางมาสู่โลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของพวกเขา แต่ทว่าสิ่งที่เขาได้รับจากโลกมนุษย์กลับตรงข้ามไปจากความฝันที่เขาตั้งใจเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง

 

The Three-Body Problem เขียนโดย Cixin Liu and Ken Liu

     ปี ค.ศ.1967 เย่ เหวินจื่อ เห็นพ่อถูกเรดการ์ดทุบจนตายต่อหน้าในเหตุการณ์การปฏิวัติทางวัฒนธรรมใหญ่ เหตุการณ์นี้ไม่ได้ส่งผลแค่ชีวิตของเธอ ทว่ารวมถึงอนาคตมนุษยชาติด้วย สี่ทศวรรษต่อมา หวัง เหมี่ยว วิศวกรนาโนฯ ถูกตำรวจขอความร่วมมือให้แฝงตัวเข้าไปสืบคดีการตายปริศนาของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ และเส้นทางนี้จะพาเขาดำดิ่งสู่โลกเสมือนจริงที่ปกครองโดย 'ตรีสุริยะ' ที่ซึ่งเผยให้เห็น ปัญหากายภาพทั้งสามแบบและกุญแจไขทั้งสามดอก - ความตายของนักวิทยาศาสตร์ ,การสมคบคิดที่ครอบคลุมระยะทางปีแสง และความสูญเสียที่กำลังคุกคามมนุษยชาติ"

 

Station Eleven เขียนโดย Emily St. John Mandel

     หายนะของเรื่องนี้คือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้คนในโลกตายไป 99% เหตุการณ์ปัจจุบันตามท้องเรื่องคือ 20 ให้หลังจากวันสิ้นโลก เนื้อหากล่าวถึงชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับ อาร์เธอร์ ดาราใหญ่ที่หัวใจวายตายบนเวทีละคร King Lear ในคืนที่ไวรัสระบาด การดำเนินเรื่องตัดสลับไปมาระหว่างมุมมองของบุคคลต่าง ๆ ประมาณ 7-8 คนได้ แต่ตัวหลักจริงๆคือ Kirsten หญิงสาวที่เคยเป็นเด็กน้อยบนเวทีตอนที่อาร์เธอร์ตาย และตัวละครที่เด่นรองลงมาอีก 2 คน คือ เจ้าหนุ่ม Jeevan ที่เคยสัมภาษณ์อาร์เธอร์และเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ CPR อาร์เธอร์ที่หัวใจวาย และ Clark อดีตทนายของอาร์เธอร์

 

แนะนำนิยายวิทยาศาสตร์

 

The Stand เขียนโดย Stephen King

     The Stand เนื้อเรื่องก็ว่าด้วยโลกที่ถูกเชื้อโรคร้ายคุกคาม (ซึ่งเชื้อที่ว่าก็เกิดจากการทดลองของรัฐบาลนั่นแหละ) เชื้อนี้ระบาดอย่างรวดเร็ว จนประชากรกว่า 99% ตายภายในเวลาไม่นาน กระนั้นก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่เชื้อร้ายไม่อาจทำอันตรายได้ ซึ่งพวกเขาพยายามหาทางใช้ชีวิตต่อไปในโลกที่ร้างผู้คน

     หากเป็นเรื่องทั่วไป เหตุการณ์ต่อจากนี้คงมีแต่การดำรงชีวิตไปตามอัตภาพ หรือการสร้างสังคมใหม่อะไรประมาณนั้น... แต่พอดีว่าเรื่องนี้คนแต่งชื่อ สตีเฟน คิง เหตุการณ์ถัดมาจึงเป็นอะไรที่ต่างออกไป... ปรากฏว่าผู้รอดชีวิตที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ เกิดฝันครับ... ฝันคล้ายกันด้วย พวกเขาฝันว่ามีแม่เฒ่าคนหนึ่งพยายามบอกให้มาหาเธอโดยด่วนที่สุด ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป... และในบางครั้งพวกเขาก็จะฝันถึงชายปริศนา ที่ไร้ใบหน้า บางครั้งก็มาพร้อมดวงตาสีแดงดุจเปลวเพลิง โดยเขาบอกว่า "จงมาหาข้า แล้วเจ้าจะได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา"

     แม่เฒ่าและชายปริศนานี้คือใคร?... พวกเขามีตัวตนจริงไหม?... ผู้ที่รอดชีวิตทั้งหลาย ต้องเผชิญภัยที่น่ากลัวกว่าเชื้อโรคร้ายหรือไม่?... บทสรุปของความลึกลับนี้จะลงเอยยังไง?... ติดตามต่อได้ใน The Stand 

 

Jurassic Park เขียนโดย Michael Crichton

     นิยายสืบสวนเชิงวิทยาศาสตร์เรื่องเยี่ยมที่ไมเคิล ไครช์ตัน เขียนออกมาเด็ดจนสะดุดความสนใจของสตีเวน สปีลเบิร์กโครมใหญ่ จนเขาจับมาทำเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่มากที่สุดเรื่องหนึ่ง

     จูราสสิกปาร์กคือชื่อของสวนสนุกที่จอห์น แฮมมอนด์ตั้งใจเปิดขึ้น โดยในปาร์กก็จะเต็มไปด้วยไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วให้นักท่องเที่ยวมาชมกัน แต่ก่อนจะเปิดปาร์กก็ต้องมีการทดลองเปิดให้นักวิทยาศาสตร์มาลองเที่ยวดูก่อน... และเมื่อในปาร์กเกิดความผิดพลาด ไดโนเสาร์ที่ควรจะอยู่ในกรงก็หลุดออกมาไล่ล่าคน

 

20,000 Leagues under the Sea เขียนโดย Jules Verne

      เรื่องราวของชายสามคนกับการผจญภัยใต้ท้องทะล พวกเขาต้องใช้ชีวิตเยี่ยงนักโทษอยู่ในเรือดำน้ำสุดอลัง ทว่าเต็มไปด้วยอิสระและสุขสบาย แต่หมดโอกาสที่จะไปจากเรือลำนี้ โดยคำสั่งของกัปตันผู้ซึ่งตัดขาดจากสังคมมนุษย์ ผู้ที่เชื่อว่าชีวิตใต้ทะเลสงบสุข น่ารื่นรมย์ และไม่คิดจะเหยียบแผ่นดินอีกตลอดชีวิต...เหตุผลของเขาคืออะไร? จุดจบจะลงเอยเช่นไร? และพวกเขาทั้งสามจะได้ขึ้นฝั่งดังใจฝันหรือไม่? มาร่วมดำดิ่งไปพร้อมๆ กัน

 

Slaughterhouse-Five เขียนโดย Kurt Vonnegut

      บิลลี พิลกริม เป็นทั้ง เชลยสงคราม ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวัดสายตา นักเดินทางท่องเวลา พ่อของลูกที่คิดว่าเขาเป็นบ้า และมนุษยชาติที่ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป หนังสือบางๆ เล่มนี้เป็นการผจญภัยอันยาวนานของจิตใจที่บอบช้ำ แหลกสลาย และไม่อาจประกอบให้เหมือนเดิมได้อีกต่อไป เขาดำรงชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อสืบค้นความหมายของชีวิต คำตอบของคำถามที่ไม่อาจหลีกพ้น บนเส้นทางอันเปลี่ยวเหงา และไร้คนเข้าใจ “มหัศจรรย์พันลึก... การเขียนอันแสบสันต์ รูปแบบอันโกลาหล ปฏิภาณอันเฉียบคม ดุจเข็มแหลมทิ่มแทงใต้ผิวหนัง”

 

I, Robot เขียนโดย Isaac Asimov

      นิยายวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาและให้อยู่ร่วมกับมนุษย์บนโลก ซึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนต์ I, ROBOT   'พิฆาตแผนจักรกลเขมือบโลก'

 

The Man in the High Castle เขียนโดย Philip K. Dick

       ปี 1962 กรุงซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐแปซิฟิกแห่งอเมริกา ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิญี่ปุ่นและนาซีเยอรมัน สองผู้คว้าชัยในสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อสิบห้าปีก่อน นิปปอนและอารยันขึ้นเป็นใหญ่ กดขี่ข่มเหงยิวและคนอเมริกันพื้นเมืองผิวขาว

      ที่ไหนสักแห่งในรัฐห่างไกล พ้นจากเงื้อมมือของสองขั้วอำนาจ บุรุษผู้อาศัยในปราสาทฟ้าได้เขียนหนังสือถึงโลกอีกโลกที่สัมพันธมิตรต่างหากเป็นฝ่ายชนะสงคราม ส่วนอักษะแพ้ราบคาบ ข้อใดกันแน่ที่เป็นเท็จจริง หรือว่าพหุภพจะมีอยู่โดยที่เรามิล่วงรู้ เมื่อสับสนหลงทาง ไม่ว่าใครก็หันไปเปิดคัมภีร์โบราณ อี้จิง อายุนับพันปีเพื่อแสวงหาคำตอบ

 

The Giver เขียนโดย Lois Lowry

       เหตุการณ์ในเล่มแรกเกิดขึ้น ณ ชุมชนที่ดูสงบราบเรียบ จนอาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ที่นี่ไม่มีสงคราม ไม่มีความขัดแย้ง เหตุการณ์ในเล่มแรกเกิดขึ้น ณ ชุมชนที่ดูสงบราบเรียบ จนอาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ที่นี่ไม่มีสงคราม ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีคนเกลียดกัน ทุกสิ่งทุกอย่างจัดเตรียมไว้อย่างดีสำหรับทุกคน ทั้งที่อยู่อาศัย อาหารการกิน โรงเรียน อาชีพ ฯลฯ และเมื่อพลเมืองอายุครบ ๑๒ ปีก็จะได้รับมอบหมายหน้าที่ เพื่อฝึกฝนก่อนยึดเป็นอาชีพในอนาคต ซึ่ง 'โจนาส' ได้รับหน้าที่สำคัญประจำเมือง ที่เปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้และเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ในชุมชนมากกว่าที่สายตาเขาเคยเห็น อย่างไรก็ตามการได้รู้ลึก รู้จริง ได้มีความรู้สึก และมีความทรงจำที่ไม่เหมือนใครอยู่คนเดียวมันช่างเดียวดายและโหดร้าย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบบใดจะโหดร้ายกว่า ระหว่างการได้รู้ความจริงแบบโจนาสกับการเป็นพลเมืองที่ถูกปิดหูปิดตาไปตลอดชีวิต

 

A Wrinkle in Time เขียนโดย Madeleine L’Engle

      การผจญภัยเริ่มขึ้นเมื่อมีแขกแปลกหน้ามาเยี่ยมเยือน เม็ก น้องชาย และแม่ของเธอยามวิกาล ตามมาด้วยการที่พ่อของเธอหายตัวไปอย่างลึกลับในขณะดำเนินการทดลองเรื่องการเดินทางข้ามเวลาในมิติที่ ๕ และในที่สุดเม็ก น้องชาย และเพื่อนรักของเธอ ก็ต้องออกตามหาพ่อ แต่ระหว่างการเดินทางมีอุปสรรคมากมายให้พวกเขาได้ต่อสู้และเรียนรู้ที่จะสามัคคีกัน

 

Flowers for Algernon เขียนโดย Daniel Keyes

      เรื่องราวของหนุ่มวัย 32 ปีชื่อชาร์ลี กอร์ดอน เขามีระดับไอคิวอยู่ที่ 68 ซึ่งเป็นสติปัญญาที่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยทั่วไปมาก ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกและถูกกลั่นแกล้งอยู่บ่อยๆ เขาได้เข้าร่วมเป็นมนุษย์ทดลองคนแรกในแบบเดียวกับหนูทดลอง ชาร์ลีเข้ารับการผ่าตัดสมองเพื่อพัฒนาระดับสติปัญญาให้มากขึ้นเป็น 3 เท่า จากชายสติไม่ดี เขาก็กลายเป็นอัจฉริยะในเวลาไม่นาน รูปแบบการเล่าเรื่องผ่านสมุดบันทึกของชาร์ลีให้ความรู้สึกเหมือนว่าเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการทดลองเขาอยู่ เราจะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสมองของชาร์ลีตั้งแต่เริ่มต้น เห็นการเขียนและการใช้ภาษาที่พัฒนาขึ้น รู้สึกคุ้นเคยกับชาร์ลีเสมือนเพื่อนคนหนึ่ง ความกระตือรือร้นและใฝ่รู้ของชาร์ลีทำให้เราอยากร่วมเอาใจช่วยเขาให้เอาชนะตัวเองให้ได้ แต่พอถึงจุดที่ชาร์ลีฉลาดขึ้นมา เขาเริ่มรับรู้ถึงความทรงจำที่มืดมนต่างๆ และได้มองย้อนกลับไปยังตัวตนเก่าของเขา

 

Fahrenheit 451 เขียนโดย Ray Bradbury

      เป็นนวนิยาย 1 ใน 100 เรื่องที่ต้องอ่านก่อนตายของอเมซอน และเป็น 10 หนังสืออ่านนอกเวลาที่เด็กมัธยยอเมริกันทุกคนต้องเคยอ่าน แล้วเหตุผลล่ะ คืออะไร? หนังสือเรื่องนี้มีการเดินเรื่องที่ตื่นเต้นฉับไว ชวนให้ติดตาม ทั้งผู้แปลก็ได้บรรจงรัอยความได้อย่างเหมาะสม แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือเนื้อหาที่ท้าทายมนุษยชาติให้ต้องหันมาดูความจริงของการปิดกั้นเสรีภาพและสิทธิขั้นพื้นฐานในด้านการอ่าน ด้วยการเผาหนังสือที่ขัดต่อนโยบายของรัฐ ซึ่งผู้ปกครองอาจปิดกั้นได้สักระยะหนึ่ง แต่ในระยะยาวเมื่อมีแรงกดดันของความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้น การปะทุขึ้นจะยิ่งรุนแรง

 

Red Rising เขียนโดย Pierce Brown

     แดร์โรวทำงานอยู่ในเหมืองมาตั้งแต่เด็ก เขาอยู่ในระดับสีแดงของชนชั้นบนดาวอังคารแห่งนี้ ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความลำบาก จนกระทั่งอีโอ ภรรยาของเขาถูกทางการประหารชีวิตต่อหน้าสาธารชน นั่นทำให้แดร์โรวตัดสินใจทำตามความฝันสุดท้ายของภรรยาของเขา นั่นก็คือ ... ทำลายโซ่แห่งการปกครองนี้ลงซะ

      แดร์โรวเข้าร่วมกับบุตรแห่งแอรีส และถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นสีทอง ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุด เขาเข้าร่วมการคัดเลือกและได้เข้าร่วมในโรงเรียนที่สร้างบุคลากรใหญ่โตซึ่งมีอำนาจควบคุมกองกำลังบนดาวอังคารแห่งนี้ ซึ่งจะนำไปสู่เครื่องมือในการปฏิวัติดาวอังคาร บททดสอบแรกนั้นช่างโหดร้าย แดร์โรวถูกจับขังกับจูเลี่ยนสองคน และจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดออกไป เขาต้องฆ่าคนในครั้งนี้ และหลังจากผ่านบททดสอบนั้น เขาก็ต้องร่วมมือกับบ้านมาร์สที่แตกพ่ายและรวบรวมเศษเสี้ยวให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งเพื่อเตรียมการรับมือจากการบุกโจมตีจากเด็กๆทั้งสิบเอ็ดบ้าน ซึ่งจะต่อสู้กันเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะในโรงเรียน

 

Ender’s Game เขียนโดย Orson Scott Card

     "เอนเดอร์ วิกกิน" คือเด็กอัจฉริยะที่ได้รับการคัดเลือก เขาต้องเดินทางไปเข้าเรียนในโรงเรียนการสงครามและได้รับการเคี่ยวกรำให้กลายเป็นผู้บัญชาการรบที่ไม่มีใครต้านทานได้ หนทางที่เต็มไปด้วยการทดสอบ หลุมพราง และศัตรูทอดรอเขาอยู่ และเขาไม่อาจหันหลังกลับ เอนเดอร์ฝึกฝนจนแข็งแกร่ง เขาได้รับชัยชนะมากมายในโรงเรียน แต่มหาสงครามแห่งจักรวาลที่มีโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเดิมพันนั้นยิ่งใหญ่และสำคัญกว่า ศัตรูที่เอนเดอร์แทบไม่รู้จักกำลังซุ่มรอพร้อมกับกองยานจำนวนมหาศาล และเขาคือความหวังเดียวของโลกใบนี้!

 

Foundation เขียนโดย Isaac Asimov

      ฮารี เชลดอน ผู้ก่อตั้งคณะวิทยาศาสตร์แห่งอนาคตประวัติศาสตร์ มองเห็นว่าในอนาคตจักรวาลจะเต็มไปด้วยสงครามแย่งชิงอำนาจ จึงรวบรวมนักปราชญ์และนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งไปสร้างรากฐานที่ดาวดวงใหม่ตรงสุดขอบจักรวาล แต่พวกเขาไม่อาจหนีเงื้อมมือของอาณาจักรกาแลกติกที่พยายามฟื้นตัวจากการล่มสลายด้วยการเข้าครอบครองทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ให้ได้

 

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ