Oscar Wilde : นักประพันธ์ชาวอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 เจ้าของผลงานเอก The Picture of Dorian Gray

Oscar Wilde

                Oscar Wilde ชื่อเต็มคือ Oscar Fingal O'Flahertie Wills Wilde เกิดวันที่ 16 ตุลาคม 1854 ที่เมือง Dublin ประเทศไอร์แลนด์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1900 ณ เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ทรงภูมิชาวไอริช กวี นักเขียนบทละคร งานวรรณกรรมเลื่องชื่อของเขาคือ The Picture of Dorian Gray (1891) และบทละครคอเมดี้ชิ้นเอก ได้แก่ masterpieces Lady Windermere’s Fan(1892) และ The Importance of Being Earnest (1895) และ Wilde ยังเคยเป็นโฆษกของขบวนการสุนทรียศาสตร์ ในช่วงท้ายศตวรรษที่ 19 ที่ประเทศอังกฤษ ดังคำสนับสนุนที่ว่า “ศิลปะเพื่อศิลปะ” เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ภายหลังถูกดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรักร่วมเพศ และถูกคุมขังเป็นเวลา 2 ปี
 

                บิดาชื่อ Sir William Wilde เป็นหัวหน้าแพทย์ผ่าตัดหูและตาในไอร์แลนด์ นอกจากนี้ยังจัดพิมพ์หนังสือโบราณคดี นิทานพื้นบ้าน และเป็นนักเขียนเรื่องเสียดสีอีกด้วย มารดาของ Wilde คือ Jonathan Swift นักเขียนผู้ใช้นามปากกา Speranza เป็นกวีหัวขบถ และยังเป็นนักเขียนนิทานพื้นบ้านและเทพนิยายของแถบเซลติค
 


 

                Wilde เข้าเรียนที่โรงเรียน Portora Royal School เมือง EnnisKillen (1864-1871) หลังจบการศึกษา Wilde ได้รับทุนเรียนต่อที่วิทยาลัย Trinity College เมือง Dublin (1871-1874) และวิทยาลัย Magdalen College เมือง Oxford (1874-1878) ที่ Magdalen College นี่เองที่ Wilde จบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ 1 ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เรียน Wilde ไม่เพียงมีชื่อเสียงทางด้านศึกษาศิลปะศาสตร์คลาสสิกเท่านั้น แต่ยังชนะรางวัล Newdigate Prize ในปี 1878 ด้วยกลอนยาวชื่อว่า Ravena
 

                เขามีความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อการสอนของนักเขียนชาวอังกฤษ ชื่อ John Ruskin และ Walter Pater ที่ศูนย์ศิลปะเพื่อชีวิต เช่นเดียวกับอีกหลายคนในรุ่นของเขา Wilde เลือกเดินตามคติของ Pater ที่กล่าวว่า “เผาไหม้อย่างหักโหม เปล่งประกายราวเปลวไฟ” แต่ขณะเดียวกัน Wilde ก็ยินดีกับการวางมาดเป็นผู้ชื่นชอบในศิลปะ ดังจะเห็นได้ในห้องที่ Oxford เต็มไปด้วยของประดับตกแต่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นที่จดจำกันว่า “โอ ฉันจะใช้ชีวิตไปกับเครื่องลายครามของฉัน”
 

                ต้นทศวรรษที่ 1880s เป็นช่วงที่นักสุนทรีย์นิยมต่างเดือดดาลและสิ้นหวังต่อวงการวรรณกรรมของลอนดอน Wilde แสดงตนสู่สายตาสาธารณชนและวงการศิลปกรรมด้วยความฉลาดหลักแหลมบวกกับความโอ่อ่า ไม่นานนัก วารสาร Punch ทำให้เขาตกเป็นที่ถากถางของกลุ่มต่อต้านสุนทรีย์นิยม เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนที่เพศสภาพไม่เป็นชาย เมื่ออุทิศตนให้ศิลปะ จะลงเอยเช่นไร ดังในบทละครโอเปร่าขบขันเรื่อง Patiece โดยมี Gilbert และ Sullivan (ผู้ประพันธ์) เป็นต้นแบบของตัวละครชื่อ Bunthorne และ “fleshly poet” เป็นตัวแทนของ Wilde
 

                Wilde มุ่งหมายจะก่อตั้งสมาคมขึ้น เขาจึงออกค่าใช้จ่ายค่าจัดพิมพ์ Poems (1881) เพื่อประกาศและแสดงเจตนารมณ์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีผู้เข้าร่วมอุดมการณ์ด้วย อันได้แก่ Algernon Swinburne, Dante Gabriel Rossetti และ John Keats (คนเหล่านี้คือนักกวีที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ) และเพื่อมุ่งหวังที่จะได้รับชื่อเสียงยิ่งขึ้นไปอีก Wilde ตอบรับการเข้าสอนในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในปี 1882 แม้สื่อจะแพร่ข่าวในทางลบ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางอันเฉื่อยชา สวมชุดกำมะหยี่หรูหรา ใส่กางเกงขาสั้น สวมถุงเท้าผ้าไหมสีดำ แต่  Wilde ยังคงเชิญชวนให้อเมริกันชนรักสวยรักงามและศิลปะ หลังจากนั้นเมื่อเขาหวนคืนสู่เกาะอังกฤษ ก็จัดสอนเลคเชอร์เกี่ยวกับความประทับใจที่เขามีต่ออเมริกา
 


                ปี 1884 Wilde สมรสกับ Constance Lloyd ธิดาของทนายความชาวไอริชผู้มีชื่อเสียง มีลูกด้วยกันสองคน คือ Cyril และ Vyvyanเกิดในปี 1885 และ 1886 ตามลำดับ ในช่วงเวลานั้น Wilde เขียนบทวิจารณ์ให้หนังสือพิมพ์ Pall Mall Gazette หลังจากนั้นก็รับเป็นบรรณาธิการให้นิตยสาร Woman’s World (1887-1889) ในช่วงที่ฝึกเป็นนักเขียนนี้เอง เขาตีพิมพ์เผยแพร่ The Happy Prince and Other Tales (1888) แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพด้านนิทานโรแมนติกในรูปแบบของเทพนิยาย
 

                ในช่วงทศวรรษสุดท้ายของชีวิต Wilde เขียนและจัดพิมพ์เผยแพร่งานสำคัญมากมาย ผลงานนิยายเพียงหนึ่งเดียวของเขา คือ The Picture of Dorian Gray (ตีพิมพ์ใน Lippincott’s Magazine ปี 1890 และในฉบับหนังสือ ปรับปรุงและขยายเป็น 6 บท ในปี 1891) Wilde ได้นำเอาส่วนผสมของนิยายระทึกขวัญรวมเข้ากับความผิดบาปอันสาหัสของวรรณกรรมฝรั่งเศสยุคเสื่อมโทรม นักวิจารณ์ต่างโจมตีนิยายเรื่องนี้ว่าไร้ซึ่งศีลธรรม แม้ว่า Dorian Grey จะมีจุดจบเลวร้ายก็ตาม แต่ Wilde ยืนกรานว่าการแสดงอุปนิสัยอันชั่วช้า เป็นศิลปะการสอนใจให้เห็นอย่างเด่นชัด
 

                Intentions (1891) ประกอบด้วยบทความ essay ที่เคยตีพิมพ์มาแล้ว เชื่อมโยงเข้ากับทัศนคติด้านสุนทรียภาพของตนเองที่มีต่อศิลปะ โดยยืมแนวคิดของกวีชาวฝรั่งเศส คือ Théophile Gautier และ Charles Baudelaire และจิตรกรชาวอเมริกัน James McNeill Whistler และในปีเดียวกัน หนังสือสองเล่มและเทพนิยายก็เขียนขึ้นด้วย เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยมของ Wilde ได้แก่เรื่อง Lord Arthur Savile’s Crime และ Other Stories และ A House of Pomegranates
 


 

                แต่สิ่งที่ Wilde ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือละครเบาสมองของคนชั้นสูง ด้วยรูปแบบการเขียนละครดราม่าของฝรั่งเศส บวกกับความเฉียบแหลมส่วนตัว ทำให้เขาสามารถเขียนบทด้วยถ้อยคำที่กระชับ และกลายเป็นบทละครคอเมดี้แบบใหม่ของโรงละครในอังกฤษช่วงศตวรรษที่ 19 ผลงานที่ประสบความสำเร็จชิ้นแรกคือ Lady Windermere’s Fan เป็นการพิสูจน์ว่าความชาญฉลาดของ Wilde สามารถฟื้นละครดราม่าฝรั่งเศสให้กลับมาได้ ในปีเดียวกัน เขาก็เขียนบทละครสยองขวัญ Salome ซึ่งแต่งขึ้นในฝรั่งเศส ทำให้ผู้ชมพากันขนลุกด้วยการบรรยายเกินจริง และถูกห้ามจัดแสดงเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลในพระคัมภีร์ บทละครนี้ตีพิมพ์ขึ้นในปี 1893 และฉบับภาษาอังกฤษตีพิมพ์ในปี 1894 พร้อมภาพประกอบ วาดโดย Aubrey Beardsley
 

                ละครเรื่องที่สอง คือ A Woman of No Importance (จัดแสดงขึ้นในปี 1893) ซึ่งได้รับการเชยชมจากนักวิจารณ์ William Archer ว่าเป็นจุดสูงสุดของวงการละครในอังกฤษ ด้วยการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว Wilde จึงได้เขียนบทขึ้นอีกสองเรื่องคือ An Ideal Husband และ The Importance of Being Earnest มันเป็นละครสองเรื่องสุดท้ายที่เขาเขียนขึ้นในช่วงต้นปี 1895
 

                ต่อมา มาร์ควิสแห่งควีนส์เบอร์รี่กล่าวหา Wilde ต่อศาลว่ามีพฤติกรรมรักร่วมเพศกับบุตรชายของตน คือ ลอร์ด Alfred Douglas ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับ Wilde เมื่อเกิดเรื่องขึ้นและมีหลักฐานชี้มายังตัวเขา บรรดาเพื่อนพ้องบอกเขาให้หนีไปยังฝรั่งเศส แต่ Wilde ปฏิเสธ เพราะไม่สามารถยอมรับได้
 

                ในชั้นศาล แม้ Wilde สามารถพิสูจน์หักล้างได้อย่างชัดแจ้ง แต่คณะลูกขุนไม่เชื่อ ในที่สุดก็ตัดสินว่าเขามีความผิดจริง ในเดือนพฤษภาคม ปี 1895 เขาต้องชดใช้ความผิดด้วยการใช้แรงงานอย่างหนักเป็นเวลา 2 ปี
 

                พฤษภาคม 1897 Wilde ได้รับการปล่อยตัว และประสบกับภาวะล้มละลาย เขาจึงเดินทางไปยังฝรั่งเศสทันที ด้วยหวังว่าจะฟื้นกลับมาได้ในฐานะนักเขียน ปี 1898 The Ballad of Reading Gaol เขาเขียนขึ้นเพื่อแสดงความรู้สึกต่อความไร้มนุษยธรรมในคุก ต่อมาเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งเกิดจากหูติดเชื้อ ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต Wilde ได้เข้ารีตของโรมันคาทอลิกที่เขานับถือมานาน