ประวัติส่วนตัว :
วิทยากร เชียงกูล เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2489 ที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 2 คน ของนายพุดเพ่ง และนางยุพิน เชียงกุล ที่พักอาศัยเป็นแบบห้องแถวสร้างด้วยไม้ เป็นร้านค้า ส่วนหนึ่งบิดาขายยา อีกส่วนหนึ่งมารดารับตัดเสื้อ แต่บิดาถึงแก่กรรมขณะทีวิทยากร เชียงกูลอายุ 2-3 ปี จึงเลิกขายยาเหลือแต่ตัดเสื้อ ภายหลังมารดาย้ายไปทำงานรับจ้างเย็บเสื้อผ้าที่กรุงเทพฯ และแต่งงานใหม่
ได้เข้าไปทำงานหนังสือ “ชัยพฤกษ์ ฉบับนักศึกษาประชาชน” ที่สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช จนถึงปี 2516 ลาออกไปทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ตำแหน่งนักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจงานส่วนใหญ่ทำวารสารเศรษฐกิจ รายเดือน และรายปี
พ.ศ. 2525 หลังศึกษาจบปริญญาโทแล้ว เปลี่ยนงานไปเป็นอาตารย์ภาควิชาสังคมวิทยา มานุษยวิทยา ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
พ.ศ. 2531 เป็นผู้ช่วยอำนวยการฝ่ายสำนักกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การและเป็นผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงินของรัฐสภา
พ.ศ. 2534 เป็นรองอธิการบดี ด้านวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นคณบดีคณะนิเทศศาสตร์คณะศิลปศาสตร์ และผอ.ศูนย์วิจัยด้านสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
เรื่องงานประพันธ์ ได้มีการแต่งกลอนและทำหนังสือกับเพื่อนๆ ตั้งแต่เรียน และมาจริงจังตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย และได้มีการตั้งกลุ่มกับเพื่อนๆ ชื่อว่า “กลุ่มพระจันทร์เสี้ยว” และได้ทำหนังสือขายเล่มละ 2 บาท เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังจากการแต่งบทกวี เรื่องสั้นและบทละครภายหลังได้รวมพิมพ์ไว้ในหนังสือ “ฉันจึงมาหาความหมาย” นับว่าเป็นที่รู้จักของนักเรียนนักศึกษายุคก่อนและหลัง 14 ตุลาคม 2516 อย่างกว้างขวาง
พ.ศ. 2521 ได้เป็นตัวแทนกวีไทยร่วมกับนักเขียนคนอื่น ไปงานชุมนุมกวีแห่งอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย แล้วหันมาเขียนบทความวิชาการไว้มากงานแปลที่ได้รับคำวิจารณ์มากที่สุด “การแต่งงานในทัศนะใหม่” เป็นผู้ริเริ่มและร่วมกับคนอื่นวิจัย “หนังสือ 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน”
พ.ศ. 2541 ได้รับการยกย่องเป็นนักเขียนรางวัล “ศรีบูรพา” วิทยา เชียงกูล ได้สมรสกับพรภิรมณ์ เอี่ยมธรรม ซึ่งเป็นนักวิชาการ นักเขียน นักแปล ที่มีชื่อเสียง มีบุตรสาว 1 คน และยังมีผลงานลงในนิตยสารต่างๆ รวมพิมพ์เป็นเล่มอยู่เสมอ
นามปากกา
วิทยากร เชียงกูล
การศึกษา :
พ.ศ. 2496 เรียนที่โรงเรียนพัฒนาราษฏร์ จังหวัดสระบุรี จบมัธยมปีที่ 3 (ป.6 สมัยนี้ ) พ.ศ. 2503
พ.ศ. 2508 จบสวนกุหลาบ ชั้นเตรียมดุดมศึกษา ที่กรุงเทพฯ
พ.ศ. 2512 จบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2524 – 2525 เรียนต่อปริญญาโท ด้านพัฒนาสังคมที่สถาบันสังคมที่สถาบันสังคมศึกษา เมืองเฮก เนเธอร์แลนด์ และใด้ทุนไปเรียนปริญญาเอกด้านประวัติศาสตร์ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่เป็นช่วงที่มีภาระครอบครัวเพราะภรรยาคลอดบุตรสาวในระหว่างนั้น จึงตัดสินใจหยุดเรียนก่อนจบการศึกษาระดับปริญญาเอก
รางวัลที่ได้รับ :
ผลงาน :
ผลงานรวมเล่มรวมเรื่องสั้นและบทกวี
งานแปล
รวมบทความ
งานวิชาการ