J. R. R. Tolkien : ผู้ให้กำเนิดมหากาพย์แฟนตาซี The Lord of the Rings

J. R. R. Tolkien

                J.R.R. Tolkien ชื่อเต็มคือ John Ronald Reuel Tolkien เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 1892 เมือง Bloemfontein ประเทศแอฟริกาใต้ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน 1973  Hampshire ประเทศอังกฤษ นักเขียนและนักปราชญ์ชาวอังกฤษ สร้างชื่อจากผลงานหนังสือเด็กเรื่อง The Hobbit (1937) และมหากาพย์แฟนตาซียอดเยี่ยมเรื่อง The Lord of the Rings (1954–1955)
 

                เมื่ออายุ 4 ขวบ Tolkien กับมารดาและน้องชาย ย้ายมาอยู่แถบ  Birmingham ประเทศอังกฤษ หลังจากที่บิดาซึ่งทำงานเป็นผู้จัดการธนาคาร เสียชีวิตที่ประเทศแอฟริกาใต้ ครั้นปี 1900 มารดาได้เปลี่ยนรีตเข้านิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งทำให้บุตรชายคนโตของเธอพลอยมีศรัทธาไปด้วย หลังจากเธอเสียชีวิตในปี 1904 Tolkien ก็อยู่ในความดูแลของบาทหลวงคาทอลิก สี่ปีต่อมา เขาตกหลุมรักกับเด็กกำพร้าอีกคนคือ Edith Bratt ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครในตำนานซิลมาริล (The Silmarillion: 1977) นั่นคือ Lúthien Tinúviel แต่ผู้ปกครองไม่อนุญาตจนกว่าเขาจะอายุครบ 21 ปี จึงสามารถขอเธอแต่งงานได้ ในช่วงเวลานั้น เขาได้เข้าศึกษาที่ King Edward’s School ใน Birmingham และจบปริญญาตรีจาก Exeter College (1915) และปริญญาโทจาก Oxford (1919) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้พบเห็นการสู้รบใน Somme หลังจากสงบศึก เขาได้เป็นเจ้าหน้าที่ของ The Oxford English Dictionary (ต่อมาภายหลังเรียกว่า The New English Dictionary)
 


 

                ในช่วงชีวิตวัยทำงานส่วนใหญ่เขาสอนภาษาอังกฤษและวรรณกรรม โดยเฉพาะเชี่ยวชาญในภาษายุคเก่าและยุคกลางของอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัย Leeds (1920–1925) และมหาวิทยาลัย Oxford (1925–1959) บ่อยครั้งมักจะยุ่งอยู่กับงานสอนและงานตรวจข้อสอบให้กับมหาวิทยาลัยอื่น ส่วนงานวิชาการ แม้เขาจะผลิตงานออกมาค่อนข้างน้อย แต่ก็มีความสำคัญอย่างมาก ผลงานที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น Sir Gawain and the Green Knight (1925; เขียนร่วมกับ E.V. Gordon) และงานสอนที่โดดเด่นคือ Beowulf (Beowulf: The Monsters and the Critics, 1936) โดย Tolkien ได้แปล Beowulf เสร็จสมบูรณ์มาตั้งแต่ปี 1926 แต่ตีพิมพ์ขึ้นหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว ในหนังสือเรื่อง Beowulf: A Translation and Commentary (2014) ซึ่งรวบรวมข้อสังเกตต่างๆ ในคลาสที่เขาสอนไว้ รวมไปถึงเกร็ดประวัติศาสตร์อันเป็นที่มาของตำนาน นอกจากนี้เขายังตีพิมพ์หนังสือเรื่อง Ancrene Wisse (1962) ไว้อีกด้วยเช่นกัน

 

                โดยส่วนตัวเขาเองแล้ว Tolkien มักหย่อนใจด้วยการเขียนรายละเอียดของเรื่องราวแฟนตาซีต่างๆ โดยมากมักจะเป็นเรื่องราวน่าพรั่นพรึงและมีแต่ความเศร้าโศกในจักรวาลที่เขาแต่งขึ้นเอง เรียกกันว่า “legendarium” และในที่สุดก็ก่อกำเนิดขึ้นเป็น The Silmarillion ในจักรวาลนั้น เขาได้สร้างภาษาเอลฟ์(Elvish)ขึ้นเอง ซึ่งเรื่องราวแห่ง Arda และ Middle-earth พัฒนามาจากความปรารถนาในการเล่านิทาน โดยมาจากความรักความชอบในตำนานและเทพนิยาย เรื่องราวทั้งหมดนี้เขาเล่าเป็นนิทานให้แก่ลูกทั้งสี่คนของเขา โดยส่วนสำคัญที่สุดของเรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อประมาณช่วงทศวรรษ 1930 ด้วยเรื่อง The Hobbit  เป็นเรื่องราวของฮ็อบบิทตัวจ้อยผู้รักความสบายและเกลียดความยุ่งยาก แต่ต้องตกกระไดพลอยโจนออกไปผจญภัยตามล่าสมบัติมังกรพร้อมคณะคนแคระ และ The Hobbit ก็ได้ตีพิมพ์ขึ้นในปี 1937 โดยเขาเป็นผู้เขียนภาพประกอบขึ้นเอง(แต่เป็นงานภาพระดับมือสมัครเล่นเท่านั้น) และก็ได้รับความนิยมจนมีกระแสเรียกร้องให้ตีพิมพ์เรื่องราวอื่นๆ ตามมาอีก จากนั้น 17 ปีต่อมา ผลงานชิ้นเอกก็ปรากฏขึ้น นั่นคือ The Lord of the Rings มหากาพย์วีรบุรุษยุคใหม่ มีเรื่องราวบางส่วนจาก The Hobbit เข้ามาประกอบ โดยเฉพาะเรื่องราวของแหวน ก็ได้ปรากฏเจ้าแห่งแหวนขึ้นมาในภาคนี้ ซึ่งทำให้เกิดภารกิจต้องเดินทางไปทำลายแหวนนั้นก่อนที่เจ้าแห่งความมืด Sauron จะได้มันไปครอง ซึ่ง The Lord of the Rings ไม่เพียงแต่ขยายเรื่องราวมาจาก The Hobbit เท่านั้น แต่ยังสืบเนื่องมาจากเรื่องราวอันไกลโพ้นของ The Silmarillion อีกด้วย ซึ่งบอกเล่าประวัติถึงการกำเนิดเผ่าพันธุ์เอลฟ์ ออร์ค คนแคระ รวมไปถึงการกำเนิดโลกและมนุษย์อีกด้วย
 

                แต่มีความเห็นแย้งจากนักวิจารณ์บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น The Lord of the Rings นั้นเดิมทีไม่ใช่นิทานสำหรับเด็ก และไม่ใช่หนังสือไตรภาคอีกด้วยเช่นกัน แม้ว่าหลายครั้งที่ตีพิมพ์ออกมาเป็นสามภาคก็ตาม ได้แก่ The Fellowship of the Ring, The Two Towers และ The Return of the King ที่จริงแล้วมันถูกแบ่งออกในภายหลังเพราะเนื้อเรื่องมีขนาดใหญ่เกินไป และแบ่งออกเพื่อลดความเสี่ยงเวลาตีพิมพ์ออกมาขาย และเมื่อแบ่งออกมาแล้วมันก็ขายดีเทน้ำเทท่าจริง โดยเฉพาะฉบับปกอ่อนที่ตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1965 ทำให้ได้รับความนิยมจนเกิดเป็นกลุ่มของผู้ชมชอบตามรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ แม้ว่าจะมีนักวิจารณ์บางส่วนดูแคลน ทว่าผลสำรวจความนิยมเมื่อปี 1996 ชื่อของ The Lord of the Rings ก็ติดอันดับสุดยอดหนังสือแห่งศตวรรษที่ 20 และความสำเร็จนี้พลอยทำให้นักเขียนแฟนตาซีคนอื่นเติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน ในช่วงศตวรรษที่ 21 นิยายเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์มากกว่า 50 ล้านเล่ม 30 ภาษา และสร้างเป็นภาพยนตร์โดยผู้อำนวยการผลิตชาวนิวซีแลนด์ Peter Jackson ออกฉายทั้งสามภาคในช่วงปี 2001-2003 ประสบความสำเร็จอย่างสูงแม้ในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากนั้น Jackson ก็สร้างภาพยนตร์ The Hobbit ไตรภาคขึ้น ประกอบด้วย Unexpected Journey (2012), The Desolation of Smaug (2013), และ The Battle of the Five Armies(2014)

 

                ในช่วงวัยชรา Tolkien ไม่สามารถปิดต้นฉบับ The Silmarillion ซึ่งเป็นปฐมบทก่อนหน้ายุคของ The Lord of the Rings และตกทอดสู่บุตรชายคนเล็ก Christopher ซึ่งจัดการปรับปรุงและตีพิมพ์ขึ้นในปี 1977 หลังจากได้ศึกษางานเอกสารของบิดา ทำให้ Christopher ตีพิมพ์หนังสือเรื่อง Unfinished Tales of Numenor and Middle-earth(1980) และ The History of Middle-earth, 12 vol. (1983–1996) ซึ่งเป็นการแกะรอยจักรวาล legendarium นั่นรวมไปถึง The Lord of the Rings และเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น The Children of Hurin (Narn I Chin Hurin: The Tale of the Children of Hurin) ซึ่งตีพิมพ์ออกมาในปี 2007 นับเป็น 1 ใน 3 ของ Great Tales ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในจักรวาล The Silmarillion นอกจากนี้ Christopher ยังได้ปรับปรุงแก้ไข Beren and Luthien (2017) อันเป็นเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ระหว่างมนุษย์และเอลฟ์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความรักของ Tolkien กับภรรยาของเขาเอง