ซอกแซกเว้นว่างจากการแสดงความเห็นต่อการทำงานคณะกรรมการสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ (PUBAT) ครบสามเดือนตามนายสั่งแล้วค่ะ แต่ตอนนี้คันขยุกขยิก หลังจากเสร็จงานมหกรรมหนังสือฯ เมืองทองธานี และข้อเท็จจริงจากสารพัดสมาชิกเริ่มขยายตัวสู่สาธารณะ และตกตะกอนในที่สุด ซอกแซกจึงต้องแก้คันนิ้วคันมือแสดงความเห็นบ้างดังนี้ค่ะ
ในงานมหกรรมหนังสือฯ ที่ผ่านมา เพื่อนสมาชิกในวงการได้แสดงสปิริตออกบู๊ธและช่วยดึงผู้อ่านมาที่เมืองทองธานีกัน แม้จะด้วยความลำบากยากเข็ญในการเดินทางสักเพียงใด ไหนจะพนักงานขายที่ต้องเช่าที่ใกล้เคียงค้างคืน ดังเสมือนไปขายหนังสือต่างจังหวัดก็ไม่ปานนะคะ ถึงยอดขายจะตกตามคาดการณ์กันไว้แล้ว ก็ยังพร้อมจะไปขายต่อที่เมืองทองธานี ในงานสัปดาห์หนังสือฯ เดือนมีนาคม ศกหน้า หากไม่มีเหตุการณ์พลิกผันให้เป็นอื่นใด อย่างไรก็ดี สัญญาต้องเป็นสัญญา เมื่อบัญชีรายได้ของสมาคมฯ เพิ่มเอาๆ จากการขายบู๊ธให้กับสมาชิกฯ สมาคมฯ รวยได้ด้วยเงินสมาชิกแน่นอนอย่างไม่เป็นอื่นค่ะ โดยว่ากันแฟร์ๆ ถึงเวลานายกสมาคมและคณะกรรมการ PUBAT ที่อาสามาทำงานชุดนี้ จะต้องแสดงสปิริตด้วย การแถลงแผนการใช้เงินโดยการเปิดประชุมวิสามัญสมาชิก ว่าในห้วงวิกฤติอุตสาหกรรมหนังสือ คณะกรรมการจะจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเงินสมาคมฯ สนับสนุนสมาชิกอย่างไร ให้ได้กลับไปจุนเจือกันจนลืมตาอ้าปากได้ถ้วนทั่ว และต้องทำทันทีให้เห็นหน้าเห็นหลังกันภายในไตรมาสสุดท้าย จึงจะถือว่าเป็นคนของมวลสมาชิกนะคะ
สมาชิกสมาคมฯ ตื่นตัวในสิทธิ์ของตนแล้ว อย่างน้อยก็เจ้านายซอกแซกคนหนึ่งค่ะ ที่ไถ่ถามถึงการใช้เงินในการบริหารงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตรงต่อนายกสมาคมฯ และอุปนายกฝ่ายต่างประเทศ ณ งาน IIBF ประเทศอินโดนีเซีย คำตอบที่ได้คือ “ไม่ทราบ ต้องถามผู้ใหญ่ก่อนค่ะ” เจ้านายซอกแซกถึงกับมึนงง ว่า นายกสมาคมฯ และอุปนายกที่อาสามาทำงานเพื่อส่วนรวม ยังไม่บรรลุนิติภาระอีกหรือ 555 เจ้านายเล่าให้ฟังว่าพาซื่อถามกลับไปว่า “ผู้ใหญ่คนไหนครับ” คุณนายกฯ ทำหน้าบุ้ยใบ้ไปทางคุณพี่เดชารักษ์ (คนเดิม) ที่ยืมหันหลังอยู่ เจ้านายจึงเล่าต่อให้ฟังว่า “ถึงบางอ้อเลยว่ะ ข้าก็เตือนแต่แรกว่าแล้วว่าสมาคมฯ นี้ทำงานเพื่อกุนซือผีเพียงคนหรือไม่เกินสองคน ทั้งนายกฯ และคณะกรรมการที่เหลือ ยังยอมรับว่าตนเป็นเด็ก ยอมถูกหลอกมาใช้งานจริงๆ นะนี่ เหอๆ”
ซอกแซกถอดบทสนทนาชนิดคำต่อคำ ไม่ได้ตัดต่อแต่งเติมแต่ประการใดเลยนะเจ้าคะ.