12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้ : เพราะพลังของวรรณกรรมมีอิทธิพลต่อเด็ก

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

          ช่วงที่เด็กเข้าสู่วัยมัธยมจะเริ่มมีความฝัน จินตนาการ รวมไปถึงชอบความท้าทาย ความแปลกใหม่ ประพันธ์สาส์นเลยขอแนะนำวรรณกรรมคลาสิกที่เด็กมัธยมสามารถอ่านได้ ซึ่งหลายเล่มๆ ก็ยังเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาอีกด้วย 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

Moby-Dick เขียนโดย Herman Melville

         เรื่องราวของการตามแก้แค้นเพื่อเอาคืนให้ถึงที่สุด ระหว่าง “กัปตันเรือ” ที่มีต่อวาฬเผือก “โมบี้ ดิ๊ค” เพราะครั้งหนึ่งเจ้าวาฬร้ายได้เคยฝากวีรกรรมที่ทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดและต้องเสียขาข้างหนึ่งไป แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันให้อภัยอย่างเด็ดขาด และนั่นเป็นที่มาของการล่องเรือล่าตระเวนไปทั่วท้องทะเลเพื่อหมายเอาชีวิตคู่อริ เจ้าโมบี้ ดิ๊ค ให้จงได้

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

The Scarlet Letter เขียนโดย Nathaniel Hawthorne

            เล่มนี้จะพาเด็กๆ ไปรู้จักกับ "เฮสเตอร์ พรินน์" หญิงสาวผู้เด็ดเดี่ยว ที่ต้องเผชิญชะตากรรมอัปยศ ถูกประณามและประจานว่าเป็นหญิงชั่วคบชู้ ท่ามกลางสังคมเคร่งศาสนา แต่กระนั้นเธอก็รับตราบาปนั้นไว้เพียงผู้เดียวอย่างทระนง เวลาผันผ่าน รอยรัก แรงแค้น และความละอายต่อบาปไล่ต้อนทั้งเฮสเตอร์และชายชู้ปริศนาให้ไปสู่จุดจบที่ไม่มีใครคาดถึง! จุดจบที่พวกเขาพบเจอคืออะไร? ติดตามได้ในเล่ม

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

The Sun Also Rises เขียนโดย Ernest Hemingway

            หัวใจโลกีย์ หรือ The Sun Also Rises  โดย Ernest Hemingway ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเลิศ (Masterpiece) ของนักเขียนรางวัลโนเบลท่านนี้ ในขณะที่นักวรรณกรรมหลายคนเห็นว่างานของเฮมิงเวย์โดดเด่นขึ้นมาในระดับโลกได้ก็เพราะความไม่ธรรมดาในการใช้ชีวิตของเขาด้วย และบังเอิญเรื่องราวใหญ่ๆ ในการใช้ชีวิตอย่างมีสีสันนั้นถูกบรรจุเอาไว้ในสาระของนิยายที่ปรากฏใน “หัวใจโลกีย์” เล่มนี้ หัวใจโลกีย์ จะทำให้เราได้เห็นชีวิตอเมริกันชนซึ่งได้รับผลพวงจากความร่ำรวยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เดินทางออกไปใช้ชีวิตเสรีในต่างประเทศ หัวใจโลกีย์ ใช้ภาษาสั้นกระชับ เดินเรื่องเร็ว ปฏิวัติการเล่าเรื่องที่นิยมในสมัยนั้น มีส่วนของความเป็นชีวิตจริงของเฮมิงเวย์ เช่น การเป็นนักมวย รสนิยมในการมีสัมพันธ์สวาทกับหญิงที่มีอายุมากกว่าและความชอบการต่อสู้วัวกระทิง

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

As I Lay Dying เขียนโดย William Faulkner

         เรื่องราวการเดินทางแสนทรหดของครอบครัวบันด์เรนผู้ยากจนแห่งเมืองยอคนาพาทาวฟา กำลังมุ่งหน้าไปฝังศพ แอดดี้ ผู้เป็นแม่ เป็นเมีย  ของพวกเขา  ตามเจตนารมณ์ของเธอ ตัวละครต่างเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตน ภาพที่ปรากฏแหว่งวิ่นตัดสลับไปมา สะท้อนความดิบเถือน ความโหยหา ความลับ ความปรารถนา ความสุขเศร้าและความคับข้องใจที่ไม่อาจเปิดเผยได้อย่างสมบูรณ์

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

Beowulf เขียนโดย Anonymous

        เบวูล์ฟ เป็นบทกวีมหากาพย์ที่แต่งด้วยภาษาอังกฤษ แต่เล่าเรื่องราวของวีรบุรุษที่เกิดขึ้นในสแกนดิเนเวีย ไม่ปรากฏชื่อของผู้แต่งว่าเป็นใคร แต่จากรูปแบบของบทกวีและเนื้อหา ทำให้คาดได้ว่าเป็นบทลำนำพื้นบ้าน ที่ขับร้องต่อ ๆ กันมาในหมู่ชนพื้นเมือง และน่าจะมีข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์บางส่วนแฝงอยู่ในเนื้อเรื่องด้วย

        งานวรรณกรรมภาษาแองโกลแซกซอนชิ้นนี้ คาดว่าแต่งขึ้นในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 8-11 โดยมีต้นฉบับที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน ซึ่งสันนิษฐานว่า เขียนขึ้นในราวปี ค.ศ.1010 มีความยาวทั้งสิ้น 3,183 บรรทัด ซึ่งถือเป็นบทกวีที่มีความยาวมาก ได้รับยกย่องเป็นวรรณกรรมมหากาพย์แห่งอังกฤษ

        เนื้อหาในบทกวี เล่าถึงวีรบุรุษชาวกีตส์ (Geats) คนหนึ่งชื่อ เบวูล์ฟ และการสู้รบกับศัตรูทั้งสามของเขา คือ เกรนเดล (Grendel) มารดาของเกรนเดล และมังกร

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

Ethan Fromeเขียนโดย Edith Wharton

          เรื่องรักสามเส้าท่ามกลางหิมะหนาและสายลมหนาวที่รัฐแมสซาซูเซตส์ ผลงานเลื่องชื่อของ Edith Wharton เจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ ปี ค.ศ. 1921 ผู้ประพันธ์ The Age of Innocence (1920)

          อีธาน โฟรมจำต้องรับช่วงกิจการโรงเลื่อยจากบิดาและดูแลภรรยาซึ่งป่วยในบ้านที่ปิดกั้นจากผู้คน ชีวิตของเขาไม่ต่างจากเหมันต์แล้งเย็นยะเยือก แต่สายลมสดชื่นและแดดอุ่นยังพอได้มาทายทัก เมื่อเขาพบกับแมตตี้ ซิลเวอร์ หญิงสาวผู้ทำให้ความปรารถนาของเขาเต้นเร่าและฟื้นคืนชีวิต

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

The Catcher in the Rye เขียนโดย J. D. Salinger

        ผลงานชิ้นเอกของ เจ.ดี. ซาลินเจอร์ บอกเล่าเรื่องราวของโฮลเดน คอลฟีลด์ เด็กหนุ่มผู้ถูกไล่ออกจากโรงเรียน และไม่อยากให้พ่อแม่รู้ จึง 'เตร็ดเตร่' อยู่ในนิวยอร์กใกล้กับอพาร์ตเมนท์ของครอบครัว รอเวลาจนถึงวันหยุดคริสต์มาส แล้วจึงค่อยบอกให้พ่อแม่รู้

        จากเนื้อเรื่องที่ดูแล้วแสนธรรมดา แต่ทำไมผลงานเรื่องนี้จึงเป็นที่โต้เถียงอย่างมาก จนเคยถูกจัดให้เป็นหนังสือ 'ต้องห้าม' สำหรับนักเรียนในสหรัฐอเมริกา? และในทางกลับกัน ก็เป็นหนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดเรื่องหนึ่ง?

        คำตอบนั้นคือบุคลิกลักษณะของโฮลเดน คลอฟีลด์ ผู้มองโลกในแง่ร้าย แปลกแยก ขวางโลก ปากกล้าขาสั่น และวาจาสุดจะระคายหู แต่ในขณะเดียวกันก็ช่างอ่อนไหว เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมองโลกในมุมมองที่ไม่เหมือนใคร อยากให้คุณได้รู้จักเขา และหวังว่าคุณจะชื่นชอบเขา เหมือนที่คนจำนวนมากมายชื่นชอบ

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

A Portrait of the Artist as a Young Man เขียนโดย James Joyce

         เป็นนวนิยายกึ่งอัตชีวประวัติที่เขียนโดยเจมส์ จอยซ์ ที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ดิอีโกอิสต์ (The Egoist) ระหว่างปี ค.ศ. 1914 ถึง ค.ศ. 1915 และได้รับการตีพิมพ์ทั้งเล่มในสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1916 และในสหราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 1917

         ภาพชีวิตวัยเยาว์ของศิลปิน เป็นนวนิยายกึ่งอัตชีวประวัติที่จอยซ์บรรยายชีวิตเบื้องต้นของสตีเฟน เดดาลัส ซึ่งเป็นตัวละครในนวนิยายที่เป็นตัวตายตัวแทน (alter ego) ของจอยซ์เอง ที่จอยซ์ชี้เป็นนัยให้เห็นถึงความมีความสามารถอันลึกซึ้งของเดดาลัสที่เกี่ยวกับเทพปกรณัมกรีก และเทพเดดาลัส

         ภาพชีวิตวัยเยาว์ของศิลปิน เป็นงานวรรณกรรมชิ้นสำคัญที่โมเดิร์นไลบรารีจัดให้เป็นลำดับที่สามของนวนิยายดีที่สุดร้อยเรื่องโดยโมเดิร์นไลบรารี (Modern Library 100 Best Novels) ในบรรดานวนิยายที่ถือว่าดีเด่นของคริสต์ศตวรรษที่ 20

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

The Red Badge of Courage เขียนโดย Stephen Crane

           เหรียญแดง แห่งความกล้าหาญ The Red Badge of Courage เป็นเรื่องในยุคของสงครามกลางเมืองของอเมริกาเมื่อปี 1861-1865 เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหาร ก่อนที่จะเข้าสู่การรบเขาเคยกลัวมากขนาดคิดว่าจะวิ่งหนีจากการต่อสู้ทีเดียว  ในระยะเวลาสองวันเป็นเนื้อหาสำคัญที่จะทำให้เห็นถึงการพัฒนาจากความเป็นเด็กหนุ่มไปสู่ความเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกในเวลาสั้นๆได้อย่างน่าประทับใจ
           The Red Badge of Courage จัดเป็นวรรณกรรมอัตถนิยมชิ้นบุกเบิกของอเมริกา และเป็นหนึ่งในนวนิยายสงครามยอดเยี่ยมตลอดกาลซึ่งหยั่งลึกถึงจิตวิญญาณและพฤติกรรมของคนหนุ่มในภาวะแย้งระหว่างความฝันกับความเป็นจริง ท่ามกลางความโหดร้ายและการทำลายความเป็นคน

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

The Old Man and the Sea เขียนโดย Ernest Hemingway

           เรื่องราวของชายชราที่ต่อสู้กับปลาใหญ่โดยลำพังอย่างโดดเดี่ยว เปี่ยมข้อคิดในความกล้าหาญแห่งชัยชนะ และความพ่ายแพ้ของมนุษย์ที่มีต่อความเหี้ยมโหดของธรรมชาติ ดังตอนหนึ่งที่ว่า “ฉันปรารถนาเหลือเกินที่จะให้มันเป็นเพียงความฝัน และให้มันกลับกลายเป็นว่าฉันไม่เคยได้จับปลาใหญ่ตัวนี้ และตัวฉันอยู่แต่เพียงลำพัง นอนอยู่บนหนังสือพิมพ์บนเตียงนอน แต่ว่าคนเราไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจะให้พ่ายแพ้ คนเราสามารถจะถูกทำลายได้ แต่จะต้องไม่พ่ายแพ้”

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

A Tale of Two Cities เขียนโดย Charles Dickens

          A Tale of Two Cities เป็นนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ที่ดีเด่นของเขาเรื่องหนึ่ง ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสับสนยุ่งเหยิงและความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในปี 1775 ซึ่งเป็นช่วงแห่งการปฏิวัติของอังกฤษและฝรั่งเศส ประชาชนส่วนใหญ่ของ 2 ประเทศตกอยู่ในภาวะกดดันและอดอยาก เนื่องจากกษัตริย์ทั้ง 2 ประเทศละเลยต่อสารทุกข์สุกดิบของประชาชน ในลอนดอนและปารีสเต็มไปด้วยกลุ่มขบถ ประชาชนถูกจับกุมอย่างไร้เหตุผล

         ในหนังสือนี้ดิกเกนส์สามารถบรรยายให้ผู้อ่านได้ทราบถึงความรู้สึกและความนึกคิดของตัวละคร ต่างชนชั้นที่อยู่ภายใต้ความกดดันของสังคมในช่วงเวลานั้น จุดเด่นของงานประพันธ์ของเขาที่ได้รับการยกย่องมาก ก็อยู่ตรงที่เขาสามารถถ่ายทอดบุคคลิกและสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นต่ำ ที่ไร้การศึกษาได้อย่างใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด

 

 

12 วรรณกรรมคลาสสิก ที่เด็กมัธยมก็อ่านได้

 

The Great Gatsby เขียนโดย F. Scott Fitzgerald

        คือนวนิยายอมตะที่ "ฟิตซ์เจอรัลด์" สามารถเก็บรายละเอียดของความเป็นมนุษย์ มาเล่าเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของผู้อ่านได้อย่างละมุนละไม ทำให้เราเห็นความบอบบางของมนุษย์ เห็นความเพ้อฝันเลิศลอยและเปี่ยมไปด้วยความมุ่งหวังของบุรุษสตรี ผู้พยายามจะก้าวข้ามเส้นขีดจำกัดของตัวเอง ในขณะเดียวกัน ทุกหน้าทุกบทของนวนิยายเรื่องนี้ คือการบอกเล่าถึงเรื่องราวที่คนคนหนึ่งที่ไม่อาจอยู่กับปัจจุบัน และโหยหาอดีตที่ไม่อาจแก้ไขย้อนคืน

         สํานวนภาษาใน "The Great Gatsby" แสดงความเป็นเอกทางการประพันธ์ของฟิตซ์เจอรัลด์แสนไพเราะ อุดมด้วยการเปรียบเปรยและความหมายหลายนัย พรรณนาโวหารที่ฟุ้งฝันทําให้ภาพที่เห็นดูคลุมเครือทว่างดงามวิจิตรจนน่าหลงใหล เมื่อผนวกเข้ากับเนื้อหาที่ว่าด้วยความฟุ้งเฟ้อจอมปลอมของเหล่าอเมริกันชนผู้มั่งคั่งในยุคทศวรรษ 1920 ซึ่งเป็นประเด็นหลักของเรื่องก็ยิ่งทําให้งานเขียนของฟิตซ์เจอรัลด์เล่มนี้ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นวรรณกรรมอมตะเรื่องเยี่ยมที่เดินทางผ่านกาลเวลามาอย่างสง่างามจวบจนวันนี้

 

 

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ