เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือ ข้อมูลที่เป็นประวัติการชำระสินเชื่อ หรือบัตรเครดิตประเภทต่างๆ จากธนาคารหลายๆ แห่ง อย่างธนาคารพาณิชย์ หรือผู้ให้บริการสินเชื่อประเภทบัตรเครดิตทั้งหลาย โดยเมื่อหากเราตกลงใจที่จะชำระเงินค่าสินเชื่อให้แก่ธนาคารนั้นๆ หรือสถาบันการเงินนั้นแล้ว ทางธนาคารต่างๆ หรือสถาบันการเงินนั้นๆ ก็มีสิทธิเรียกดูข้อมูลประวัติจากเครดิตบูโร ทั้งนี้ เพื่อนำมาใช้ประกอบการอนุมัติสินเชื่อว่าผ่านหรือไม่นั่นเอง
เครดิตบูโร มีผลอะไรกับเราและเช็คได้ที่ไหนได้?
สำหรับคนที่ต้องการขอสินเชื่อหรือทำ บัตรเครดิต จะต้องเคยได้ยินคำว่า “ เครดิตบูโร ” ซึ่งเครดิตบูโรนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการขอสินเชื่อหรือทำบัตรเครดิต เพราะจะเป็นข้อมูลหลักๆ ที่ทางสถาบันการเงินแต่ละเจ้าจะดูเพื่อพิจารณาในการอนุมัติ หากเราไม่มีประวัติเสีย ก็มีโอกาสอนุมัติสูงขึ้นนั้นเองเครดิตบูโร มีหลายๆ คนเข้าใจว่าเป็นการติด Blacklist แต่แท้ที่จริงแล้วคือ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมเครดิตต่างๆที่เราได้ขอไว้ ซึ่งเครดิตบูโร จะเก็บรวบรวมประวัติการชำระสินเชื่อย้อนหลังของเรา ไม่เกิน 36 เดือน ดังนั้นข้อมูลการชำระเงินต่างๆ ของเรามีแสดงในส่วนนี้ทั้งหมด
ทั้งนี้ หากทำการยื่นขอสินเชื่อแล้วไม่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากธนาคาร หรือสถาบันการเงินต่างๆ ก็จะถือว่าเราโดนแบล็กลิสต์ (Black List) ทำให้ไม่สามารถขอเงินกู้หรือสินเชื่อต่างๆ ได้ ซึ่งอย่างไรก็ตามเครดิตบูโรนั้นเป็นเพียงผู้มีหน้าที่ในการรวบรวมประวัติในการชำระเงินสินเชื่อจากทุกสถาบันการเงินที่เราเคยไปทำการกู้เท่านั้น ซึ่งการอนุมัติให้สินเชื่อนั้นยังคงมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบอีก ได้แก่ หลักประกัน, รายได้ของเรา, ผู้ค้ำประกัน เป็นต้น ซึ่งหากเราเป็นคนที่จ่ายเงินชำระสินเชื่อได้ตรงเวลา ก็จะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ตัวเราในการประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนั่นเอง
ครดิตบูโร เก็บข้อมูลเราไว้กี่ปี?
เครดิตบูโรในไทยจะเก็บข้อมูลเราไม่เกิน 3 ปี ตามกฎหมายเครดิตบูโร ได้กำหนดให้เครดิตบูโรสามารถเก็บข้อมูลบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลไม่เกินระยะเวลา 3 ปี และการบันทึกข้อมูลในรายงาน จะแสดงข้อมูลสินเชื่อทุกระเภทไม่เกิน 3 ปี ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่เพียงพอ ที่สถาบันการเงินจะใช้ในการพิจารณาสินเชื่อให้กับลูกค้าได้ และเมื่อเราได้รับสิทธิกู้ยืมเงินหรือสินเชื่อจากสถาบันการเงินแล้ว ตามกฎหมายเครดิตบูโรได้กำหนดให้สถาบันการเงิน มีหน้าที่ส่งข้อมูลลูกค้าที่ได้รับเงินกู้หรือสินเชื่อให้แก่เครดิตบูโร โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือขอความยินยอมจากลูกค้าในการเก็บข้อมูล
เมื่อติดเครดิตบูโรแล้วจะแก้ยังไงได้บ้าง?
- ใช้หนี้ที่ติดให้หมด ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะการชำระหนี้ที่ค้างไว้ให้หมดคือวิธีจัดการกับเครดิตค้างชำระที่เราติดอยู่อย่างดีที่สุด จากนั้นเมื่อชำระครบก็รอบให้ประวัติการชำระเราอัพเดทเข้าระบบและรอการปลดจากบัญชีค้างชำระ
- รอให้หมดรอบการบันทึกข้อมูล การเก็บข้อมูลของทางเครดิตบูโรจะเก็บไว้ประมาณ 3 ปี ในกรณีไม่ได้ชำระหนี้ให้หมด ทางสถาบันการเงินเจ้าหนี้ก็จะส่งรายงานมาให้ทางเครดิตบูโรอีกอยู่ จึงทำให้การรอให้หมดรอบการบันทึกข้อมูลนี้ใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่ชำระหนี้ที่ค้างไว้ครบแล้วเท่านั้น