10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น : จัดอันดับ 10 นวนิยายไทยน่าอ่านของประพันธ์สาส์น

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

 

1. กรุงแตก ยศล่มแล้ว ผู้แต่ง/แปล : สุจิตต์ วงษ์เทศ
เป็นนวนิยายอิงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยช่วงก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของผู้คนหลากชนชั้น ที่ต้องใช้ชีวิตให้อยู่รอดในช่วงที่บ้านเมืองเกิดศึกสงคราม ถูกรุกล้ำอธิปไตยจากพวกพม่าข้าศึก ท้ายที่สุดแล้วก็จบลงด้วยการสูญเสียเอกราชบ้านเมืองของเรา แต่ถึงแม้เรื่องนี้จะพูดถึงเรื่องการทำศึกสงคราม แต่ผู้เขียนก็ไม่ได้มุ่งนำเสนอแต่ภาพของความหดหู่ น่าหวาดกลัว ของการทำศึกสงคราม หรือการปลุกใจให้รักให้หวงแหนในแผ่นดินอันเป็นเพียงอาณาเขตบอกที่ตั้งความมีอยู่แต่เพียงเท่านั้น ทว่าผู้เขียน สุจิตต์ วงษ์เทศ สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของสงครามได้อย่างงดงามและมีเสน่ห์ยิ่งในวิถีที่แตกต่าง ด้วยการบรรจงสอดแทรกรายละเอียด เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางวัฒนธรรมที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้รู้นัก ผสานรวมเข้ากับการดำเนินเรื่องราวแต่ละช่วงแต่ละตอนได้อย่างละเอียดลออและแนบเนียน อีกทั้งการเสนอปัญหาของความเป็นคน ทั้งเรื่องการแย่งชิงอำนาจ การเอารัดเอาเปรียบ การข่มเหงรังแกผู้อ่อนแอกว่า ฯลฯ ผู้เขียนก็สามารถนำเสนอออกมาได้อย่างกลมกลืนกันไปตลอดตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งจบเรื่อง ซึ่งรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ ช่วยสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คน ณ ห้วงยามนั้น ได้เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อท่านผู้อ่านเสพรับรสความและรสวรรณศิลป์จากเรื่องนี้โดยสมบูรณ์แล้ว ก็คงจะมีประเด็นให้ขบคิดอย่างเข้าใจกันได้ว่า เพราะศึกในหรือศึกนอกกันแน่ที่ทำให้ “กรุงแตก ยศล่มแล้ว”

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

2.พ่อ 1, 2 ผู้แต่ง/แปล : ปองพล อดิเรกสาร
พ่อ ภาค 1 (ปกอ่อน) งานเขียนนวนิยายภาษาไทยเรื่องแรกของปองพล อดิเรกสาร โดยอิงประวัติศาสตร์ไทยสมัยแผ่นดินอยุธยา ซึ่งต้องอาศัยหลักฐานการค้นคว้าเป็นจำนวนมาก ผสานกับจินตนาการความคิดของผู้เขียนที่สรรหามาเรียงร้อยไว้ จึงเป็นนวนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่จะสร้างความตื่นเต้น เพลิดเพลินให้กับผู้อ่านได้อย่างดี การเลือกจับประเด็นเรื่องบทบาทของพ่อ ทำให้นวนิยายเรื่องนี้ชวนอ่าน ชวนขบคิด ขณะเดียวกันฉายให้เห็นความเฉลียวฉลาด ความเก่งกล้าของบรรพบุรุษไทย ที่ช่วยกันสร้างบ้างสร้างเมือง และปกปักรักษากันอย่างเข้มแข็ง


พ่อ ภาค 2 อ่านสามารถเริ่มต้นอ่านภาคหนึ่งหรืออ่านภาคสองก่อนก็ได้ โดยสามารถทำความเข้าใจในการอ่านแต่ละเล่มได้โดยอิสระ ในภาคสองนี้ เน้นในเรื่อง ยุทธศาสตร์ กลศึก การบริหารราชการแผ่นดิน ที่สมเด็จพระนเรศวรทรงเรียนรู้จากพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งคุณ ปองพล สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกซึ้ง มีมุมมองทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นความวิริยะอุตสาหะของพระมหากษัตริย์ในยุคโบราณ ที่จะนำพาบ้านเมืองให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

 

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

3. POON PID THONG: GOLD-PASTED CEMENT ผู้แต่ง/แปล :KRISNA ASOKSIN
นวนิยายที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ในปี พ.ศ. 2528 เป็นวรรณกรรมริเริ่มสร้างสรรค์ เกี่ยวกับความรักหนุ่มสาวที่มีปัญหาครอบครัวบ้านเเตกสาเเหรกขาด ซึ่งสะท้อนความเข้าใจของชีวิต ชี้ให้เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ในหน้าที่ของพ่อเเม่ ทำให้เกิดความเข้าใจกัน และยังเสนอแนวคิดอันเป็นประโยชน์สร้างสรรค์ให้กับชีวิตครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยผ่านสองตัวละครเอกในเรื่องได้แก่ สองเมือง และ บาลี ทั้งคู่เกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้าง เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ บาลีศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก และชักจูงให้สองเมืองลืมความข่มขื่นใจที่เคยเกิดขึ้น ทำให้สองเมืองรักบาลี และมั่นใจว่าชีวิตคู่ของเขาและเธอจะไม่เป็นอย่างพ่อกับแม่ และจะเป็นพ่อแม่ที่เป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ใช่เป็นเพียงรูปหล่อปูนที่ปิดด้วยทอง ซึ่งไม่มีค่าอะไร

 

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

4. ตราบจนสิ้นกรรม/ผู้แต่ง/แปล : ปองพล อดิเรกสาร
ตราบจนสิ้นกรรม สหรัฐอเมริกามีนโยบายแบ่งแยกประเทศเมียนมาร์ออกเป็น 3 ประเทศ เพื่อลดอำนาจของสลอร์ก และขัดขวางอิทธิพลของประเทศสาธารณรุฐประชาชนจีน โดยส่งเจ้าหน้าที่ซีไอเอซึ่งเคยประสบผลสำเร็จในการสลายสหภาพโซเวียตมาทำงานลับชิ้นนี้ แต่การแยกสลายประเทศเมียนมาร์มีอุปสรรคและความซับซ้อนมากกว่าที่คิด นวนิยายจารกรรมเรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านพลอยกังวลไปกับชะตากรรมของตัวละครและติดตามการคลี่คลายของเหตุการณ์ ไม่เพียงตื่นเต้นระทึกขวัญ หากแต่ยังแฝงข้อคิดทางพุทธศาสนาเรื่อง "กรรม" เอาไว้ด้วย

 

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

5. ARRIVAL OF DAWN (ฟ้าสางที่กลางใจ)ผู้แต่ง/แปล : เพ็ญศรี เคียงศิริ
“A ARRIVAL OF DAWN” เป็นนิยายสะท้อนสังคมที่มีตัวละครหลักเป็นผู้เล่าถึงเรื่องราวของตัวเธอเอง ผู้เขียนพรรณนาถึงชีวิตของแม่ซึ่งเป็นผู้นำครอบครัวที่ได้ตัดสินที่จะให้ลูกสาวคนโตเป็นที่พึ่งพิงของพี่ๆ น้องๆ และลูกสาวเองก็ยอมทำตามความต้องการของผู้เป็นแม่ ยอมสละละทิ้งความสุขส่วนตัว แบกรับแรงกดดันทั้งกายและใจ เป็นลูกที่เชื่อฟังและรับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างยิ่งยวดตลอดชีวิตของแม่โดยไม่ย่อท้อ อย่างไรก็ตาม ในบั้นปลายของชีวิต ผู้เป็นแม่ก็ได้พบกับแสงธรรมนำทางและนำความกระจ่างมาสู่จิตใจ ด้วยพระธรรมคำสอนเรื่อง “ทางสายกลาง” ได้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของเธอเองในที่สุด

 

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

6. The Sky So Near (ฟ้ากว้างทะเลใกล้)ผู้แต่ง/แปล : เพ็ญศรี เคียงศิริ
the sky so near โดยเพ็ญศรี เคียงศิริ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5-6 ของสยามประเทศ ในช่วงที่คาบสมุทรมาเลย์ยังเป็นของเราอยู่ และถูกยึดครองโดยประเทศอังกฤษในภายหลัง ฉากหลังของเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ในบันทึกประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้โดยผู้เขียนเอง นวนิยายเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางสัญชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมของชาวสยาม ชาวจีน และชาวมาเลย์ รวมไปถึงความคิดและสังคม การอยู่ร่วมกัน ตั้งแต่ช่วงก่อนที่คาบสมุทรจะตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และในภายหลังที่พวกเขาต้องกลายเป็นคนละชาติกัน เราจะเห็นได้จากงานเขียนนี้ว่า พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ต่อไปและทำงานร่วมกันเป็นชุมชน ความผูกพันของครอบครัวและญาติพี่น้อง รวมทั้งความผูกพันระหว่างมิตรแท้ การแสดงความห่วงใย ความเป็นมิตรและความเคารพต่อทุกคน ทั้งหมดนี้นำพวกเขาไปสู่วิถีชีวิตที่มีความสงบและความสุข และพัฒนาไปสู่ความสำเร็จ

 

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

7. แม่โขงผู้แต่ง/แปล : ปองพล อดิเรกสาร
เรื่อง “แม่โขง” เป็นนวนิยายที่ผู้เขียนผูกโยงร้อยเรื่องราวของการสืบค้นทหารอเมริกันที่สูญหายไปในสงครามเวียดนาม การตามล่าสมบัติของกษัตริย์โบราณแห่งอาณาจักรลาว เรื่องราวของประวัติศาสตร์อารยธรรมของชุมชนลุ่มแม่น้ำโขง เรื่องราวของชนเผ่าภูริซึ่งเล่าขานเป็นตำนานลี้ลับอันไม่ปรากฏในแผนที่ใดๆ การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเพื่อเชื่อมไทย-ลาวทั้งทางเศรษฐกิจการค้าและวัฒนธรรม ตลอดจนขบวนการค้ายาเสพติด เรื่องเหล่านี้สอดร้อยเข้าด้วยกันโดยพญานาค งูยักษ์ในตำนานของชุมชนลุ่มน้ำโขง ซึ่งทำหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์สมบัติของแผ่นดินและเป็นตัวสอดแทรกให้บังเกิดความตายลึกลับอย่างน่าสะพรึงกลัวแก่บุคคลต่างๆ เรื่องแม่โขงจึงเป็นจินตนิยายที่ผสมผสานความจริงทางสังคมเข้ากับจินตนาการ ทำให้มีอรรถรสของงานวรรณกรรมยอดเยี่ยมยิ่ง

 

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

8. โจรสลัดเกาะตะรุเตาผู้แต่ง/แปล : ปองพล อดิเรกสาร
โจรสลัดแห่งตะรุเตา อาศัยตำนานประวัติศาสตร์อันเร้าใจของเกาะตะรุเตาเป็นพื้นฐานของการดำเนินเรื่องช่วงต้นของนวนิยาย อาจทำให้ผู้อ่านสงสัยว่ากำลังอ่านตำราประวัติศาสตร์ของเกาตะรุเตา หรือกำลังอ่านนวนิยายกันแน่ แต่จากช่วงกลางไปจนจบ สีสรรแห่งความเป็นนวนิยายต่อสู้ผจญภัยจะปรากฏอย่างน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ มิติแห่งประวัติศาสตร์เหลือเพียงกรอบบางๆ พอให้เป็นเอกภาพกับการใช้ความจริงทางประติศาสตร์เป็นพื้นเรื่อง หนังสือเรื่องนี้นอกจากจะสะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์แล้ว ก็ยังบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์บนเกาะแห่งนี้

 

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

9. คามีเลี่ยนแมนกับจิ้งจอกทะเลทราย/ผู้เขียนปองพล อดิเรกสาร
กลับมาสร้างความสนุกสนานให้กับคุณผู้อ่านอีกแล้ว คราวนี้ "เอล" ในฐานะที่เป็นนาวิกโยธินอังกฤษได้รับการฝึกฝนเพิ่มเติม ได้รับมอบหมายภารกิจที่สำคัญและเสี่ยงอันตรายในสมรภูมิแอฟริกาเหนือ ในช่วงที่กองทัพอังกฤษภายใต้การนำของพลโทมอนท์โกเมอรี่กำลังเผชิญศึกหนักกับกองทัพรถถังแพนเซอร์เยอรมันอันแข็งแกร่ง นำโดย "จอมพลเออร์วิน รอมเมล" ซึ่งได้รับสมญาอันโด่งดังว่า "จิ้งจอกทะเลทราย" ภารกิจที่เอลได้รับนั้นก็คือสังหาร "รอมเมล" ให้ได้! เต็มไปด้วยการผจญภัยที่ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ชวนคิดตามทั้งเล่ม

คามีเลี่ยนแมนกับขบวนการเสรีไทย/ผู้เขียนปองพล อดิเรกสาร
เป็นเรื่องราวการผจญภัยในภูมิภาคเอเชียของซูเปอร์ฮีโร่แห่งป่าหินมาดากัสการ์ กับภารกิจลับที่สำคัญคือการค้นหาหมอชาวอังกฤษให้พบก่อนกองทัพญี่ปุ่น และต้องส่งตัวกลับอังกฤษให้ได้ จึงทำให้เกิดเรื่องที่น่าตื่นเต้น และเสี่ยงตายหลายครั้ง ซึ่งซูเปอร์ฮีโร่อย่างเอลก็สามารถเอาตัวรอดได้เสมอ ซึ่งการปฏิบัติภารกิจในภูมิภาคเอเชียครั้งนี้ เอลก็ต้องพบกับคู่ปรับเก่าของเขา ร้อยเอกออเบรย์ อีกครั้ง หลังจากที่เอลได้ฝากรอยแค้นไว้ให้ที่แอฟริกาเหนือ การไล่ล่าครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งอย่างไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ นอกจากนั้น เอลยังได้ไปปฏิบัติการร่วมกับขบวนการเสรีไทยจนสงครามโลกสงบ

คามีเลี่ยนแมน/ ผู้เขียนปองพล อดิเรกสาร
หนังสือเล่มนี้จะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับ “ซูเปอร์ฮีโร่แห่งป่าหินมาดากัสการ์” วีรบุรุษผู้มีความเก่งกาจชื่อ “เอลคานา” หรือ “เอล” ผสมผสานความโดดเด่นของสรรพสัตว์ที่มีถิ่นอยู่บนเกาะมาดากัสการ์ ทั้ง ลีเมอร์, กิ่งก่า, ตุ๊กแก ฯลฯ ทำให้เขาพรางตัวได้อย่างแนบเนียน พร้อมทั้งกระโดดเคลื่อนไหวในป่าได้อย่างรวดเร็ว มีพังพผืดที่แขนกับลำตัวทำให้ร่อนไปได้ในอากาศ เป็นผู้หนึ่งที่มีศิลปะในการต่อสู้แบบโบราณอย่างหาตัวจับยาก มีทักษะในการใช้อาวุธอย่างเป็นยอด นอกจากนั้นได้รับการศึกษาที่ดีเยี่ยมจากบาทหลวงชาวอังกฤษ เรียกว่าครบเครื่องเลยทีเดียว ทั้งสนุก ทั้งตื่นเต้น ผจญภัย ในแบบที่คุณนึกไม่ถึงเลยทีเดียว

 

10 นวนิยายไทยสุดสตรองของประพันธ์สาส์น

10. เมื่อตะวันลับฟ้าผู้แต่ง/แปล : อุดม วิเศษสาธร
เรื่องราวชีวิตอันพลิกผันของคนหนุ่มในเมืองกรุง จากนักลงทุนคลื่นลูกใหม่กลับกลายเป็นแมลงเม่า ซ้ำคนรักยังทอดทิ้ง จึงมุ่งหน้าออกจากเมืองสู่ป่าใหญ่ ที่นั่นเขาได้พบกับนกหัวโตเฒ่าชรา เที่ยวปลูกต้นไม้อยู่ตามป่าเขาและทุกแห่งหนที่นกเฒ่าเดินผ่าน คนหนุ่มได้เรียนรู้คุณค่าชีวิตจากนกเฒ่าตัวโตผู้นี้ และเมื่อพลังชีวิตได้รับต่อเติมกระทั่งแรงใจเปี่ยมล้น จากคนหนุ่มก็กลายเป็นนกหัวโตบินออกจากป่ากลับสู่เมืองใหญ่ เพื่อสืบสานเจตนารมย์แห่งนกหัวโตต่อไป

 

บทความ :สุกัญญา สุวิธานโธ

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ