เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ : อย่าดัดจริตในงานเขียน และอย่าดูถูกคนอ่าน

เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

วันนี้เราจะมารู้จักกับนักเขียนและบรรณาธิการคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตคร่ำหวอดมากับวงการวรรณกรรมอยู่พอสมควร แม้จะไม่ได้มีผลงานออกมาให้เห็นกันมากนัก แต่ประสบการณ์เกี่ยวกับงานเขียนและการทำงานหนังสือก็เรียกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

แนะนำตัวสักนิด
เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด คุณพ่อเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ ส่วนคุณแม่เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ จำได้ว่า ที่บ้านมีแต่หนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มองไปทางไหนก็มีแต่ชั้นหนังสือ ทุกคนในบ้านชอบอ่านหนังสือ คงเป็นเพราะจุดนี้ที่ทำให้รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก แค่อ่านหนังสือที่พ่อมีก็แทบไม่หวาดไหวแล้ว อย่างเรื่องสั้นและนิยายของคุณสุวรรณี สุคนธา เรื่องสั้นของต๊ะ ท่าอิฐ เรื่องสั้นของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ และรวมเรื่องสั้นยุคฟ้าเมืองไทย ฟ้าเมืองทอง ซึ่งพ่อเป็นสมาชิก ก็เลยพลอยได้อ่านมาแต่เด็ก

คุณพ่อชอบสะสมวรรณกรรมทั้งไทยทั้งอังกฤษ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษส่วนมากจะเป็นของคุณแม่ เติบโตมากับหนังสือพวกนี้แหละค่ะ อ่านหมด อ่านดะ อ่านทุกประเภท กำลังภายในของพ่อยังอ่านเลย ฤทธิ์มีดสั้น หงส์ผงาดฟ้า มังกรหยก สมัยนั้น แปลโดย ว.ณ เมืองลุง และน. นพรัตน์ อ่านแล้วติดหนึบหนับ ข้าวปลาไม่กิน แต่ที่อ่านน้อยมากคือ นิยายแบบพาฝัน ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ชอบอ่าน ชอบอ่านสารคดีและเรื่องสั้นมากกว่า อาจจะเป็นเพราะที่บ้านไม่มีนิยายอย่างผู้หญิงๆ เลย แม่ดิฉันก็ไม่ชอบอ่าน เลยไม่ได้โตมากับนิตยสารอย่างขวัญเรือนหรือสกุลไทย เลยกลายเป็นคนไม่ค่อยอ่านนิยายรักเท่าที่ควร

เริ่มจับปากกาได้อย่างไร
ตอนเด็กๆ เข้าเรียนอนุบาลที่โรงเรียนสวนเด็ก แล้วมาเข้าสาธิตปทุมวัน ที่นี่แหละค่ะ ที่มีส่วนทำให้หันเหชีวิตมาเป็นคนเขียนหนังสือ เป็นนักเขียนเพราะเพื่อนแท้ๆ ตอนนั้นมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ชื่อ พันธุมดี เกตะวันดี เป็นลูกสาวนักเขียนดังคือ คุณทวี เกตะวันดี หรือคุณรมย์ รติวัน เพื่อนคนนี้เขามีจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่ป.5 แล้วว่าจะเป็นนักเขียน ตอนนั้นเราเองก็ยังไม่รู้หรอกค่ะว่าอยากทำอะไร หนักไปทางหาเรื่องเล่นสนุกไปวันๆ ตอนนั้นครูให้ออกไปพูดหน้าห้อง เรื่องอาชีพในฝัน เลยลอกคำตอบเพื่อน เพื่อนอยากเป็นนักเขียนก็คิดว่ามันคงเท่ดี แต่ขอเป็นบรรณาธิการดีกว่า คงจะดีกว่าหากได้อ่านงานชาวบ้าน จากนั้นก็เหมือนผีบ้าเข้าสิงเลย ออกหนังสือพิมพ์เอง เอากระดาษสมุดนั่นแหละ ฉีก ทำรูปแบบเหมือนหนังสือพิมพ์เป๊ะๆ ซึ่งชื่อหนังสือพิมพ์เขามีไทยรัฐ หนังสือพิมพ์ทำมือของดิฉันชื่อ "ไทยมุง" สนุกกันมาก นั่งเขียนเองทำเองทั้งเล่ม วาดการ์ตูนด้วย เพื่อนๆ ชอบกันใหญ่ หนักไปทางเรื่องไร้สาระและซุบซิบเพื่อนในห้อง แม้จะออกมาได้ไม่กี่เล่ม (เพราะคนเขียนเริ่มขี้เกียจ) แต่ก็ได้ใจค่ะ ผีน้ำหมึกเข้าสิงเลยทันที เริ่มเคลิ้มๆ อยากเป็นนักเขียนแล้ว ตั้งแต่ ป.5 แต่แรกเริ่มนี่ มาจากลูกสาวนักเขียนจริงๆ ที่ทำให้เราอยากเป็น เพราะเพื่อนคนนี้พูดจาฉะฉานและดูเท่ห์มาก ในสายตาเรา

เรียนที่สาธิต มศว. ปทุมวันจนถึงมัธยมศึกษาปีที่สาม ก็ออกมาสอบเข้า รร. เตรียมอุดมศึกษา พญาไท ช่วงนี้แหละค่ะ ที่เริ่มขบถต่อสังคมอย่างแท้จริง เพราะเริ่มอ่านงานหนักๆ ของคุณเสนีย์ เสาวพงศ์ อย่างเรื่องปีศาจ ข้างหลังภาพของศรีบูรพา คุณอาจินต์ คุณชาติ กอบจิตติ คุณนิคม รายยวา อย่างตลิ่งสูง ซุงหนัก งานโทนเพื่อชีวิตหนักๆ บังเอิญพอมีโชค ไปสอบติดคณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ตอนปีหนึ่ง มีประกวดบทกวี

 

Writer

Sirirat Soonsakul

นักอยากเขียน ผู้รักการสะสมท้องฟ้าสีวนิลลา และใช้หมูกระทะเยียวยาจิตใจ